ตำรวจ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน นำ 2 ผู้ต้องหาคู่หูมือปืนสาดยิงวันสงกรานต์ถนนข้าวปุกทำแผน ท่ามกลางตำรวจป้องกันหลายสิบนาย อ้างไม่เกี่ยวกับผู้หญิงหรือเงินกู้แต่เป็นเรื่องเขม่นกันเองของกลุ่มวัยรุ่น
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 16 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน ได้ควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหา คือนายฉลองชัย หรือนายโก้ อายุ 27 ปี พร้อมด้วยนายสัตยา หรือนายกอล์ฟ อายุ 28 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณหน้าโรงแรมใบหยกชาเล่ต์ และ หน้าสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกโม่.38 ยิงสาดเข้าใส่ผู้คนในงานสงกรานต์ถนนข้าวปุก ซึ่งทางเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนจัดให้มีขึ้นที่บริเวณถนนขุนลุมประพาส ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอน จนทำให้มีผู้ถูกลูกหลง 2 ราย คือนางสาวพลอย อายุ 17 ปี ถูกกระสุนเข้าบริเวณหน้าท้องทะลุหลัง กระสุนตัดเข้าลำไส้ใหญ่และตับอ่อนอาการสาหัสถูกส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ และอีกคนคือนายอมร อายุ 32 ปี ถูกกระสุนเข้าบริเวณหัวเข่าด้านขวา อาการบาดเจ็บไม่มากนัก ขณะนี้ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์แม่ฮ่องสอน เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.40 น.ของคืนวันที่ 14 เม.ย และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ทั้งคู่ได้ที่สถานีผู้โดยสารจังหวัดลำปาง เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 เม.ย. 67 ขณะนั่งรถทัวร์เพื่อที่จะหลบหนีไปกบดานที่ภาคอีสาน
โดยเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปทำแผนบริเวณหน้าที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาขับรถจักรยานยนต์มาจอดและจากนั้นนายฉลองชัย หรือนายโก้ ได้ใช้อาวุธปืนสาดกระสุนยิงเข้าใส่กลุ่มคู่อริที่กำลังเล่นสาดน้ำสงกรานต์บริเวณด้านหน้าโรงแรมใบหยกซาเลต์จำนวน 3 นัด แต่ช่วงดังกล่าวปรากฏว่าผู้คนจำนวนมากกำลังเดินทางออกจากงานสงกรานต์ถนนข้าวปุกหลังการแสดงดนตรีเลิกพอดี จึงทำให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บสอง 2 ราย หลังก่อเหตุนายสัตยา หรือกอล์ฟ ได้ขับรถจักรยานยนต์พานายฉลองชัยมือปืนหลบหนีไปหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ
พ.ต.อ.พลชัย กิจกุลธนันต์ รักษาการผู้กำกับการ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า หลังผู้ต้องหาทั้งสองคนรับสารภาพ ได้นำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพรวม 3 จุด จุดแรกคือจุดเกิดเหตุที่มีการสาดกระสุนยิงงานวันสงกรานต์จำนวน 3 นัด จุดที่สองคือจุดที่มีการทะเลาะวิวาทก่อนก่อเหตุ และจุดที่ 3 ที่บ้านพักของผู้ต้องหาที่กลับไปเอาปืนมาก่อเหตุหลังเกิดเรื่องทะเลาะวิวาท ใช้เวลาทำแผนอย่างรวดเร็วรวม 15 นาที เพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องหา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนายคุ้มกันขณะทำแผนในแต่ละจุด
โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาพยามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนและยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ผู้กำกับการฯ ย้ำว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้พกพาอาวุธปืนติดตัวมาในงาน แต่หลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทแล้วค่อยไปเอาปืนที่บ้านกลับมาก่อเหตุ ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุไม่เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินกู้ แต่เป็นเรื่องของหนุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทเขม่นกันแค่นั้นเอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ชาวแม่ฮ่องสอนต่างอึ้งเมื่อพบว่า การปล่อยกระแสข่าวจากทางเจ้าหน้าที่มันสวนทางกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอย่างสิ้นเชิง และกรณีที่เมื่อเกิดเหตุแล้ว ผู้ต้องหาสามารถหลบหนีผ่านด่านตรวจนับสิบแห่งออกไปจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างลอยนวลทั้งที่หากมีการแจ้งให้ทุกจุดสกัดแล้วผู้ต้องหาทั้งสองคนจะถูกจับภายในไม่เกิน 2 ชั่วโมง เนื่องจากระยะทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปยัง อ.ปาย มีระยะทาง 110 กม. รถต้องใช้เวลาวิ่งไม่ต่ำกว่า 2.5 ชั่วโมงเนื่องจากเส้นทางเป็นถนนบนภูเขาคดเคี้ยวสูงชัน ยากที่จะทำเวลาให้เร็วกว่านี้ได้ ฉะนั้นในเวลา 2 ชั่วโมงทำไมผู้ต้องหาสามารถผ่านด่านไปได้ทุกด่าน ทั้งด่านตรวจของทหาร ตำรวจ และ อปท.ในห้วงเทศกาลสงกรานต์
ล่าสุด ในวันนี้ เวลา 14.30 น.ก่อนหน้าที่จะมีการทำแผนสองผู้ต้องหายิงคนในงานสงกรานต์ เฟซบุ๊กของสถานีตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอน ได้ถูกแฮกเกอร์แฮกส่งรูปหวิวโชว์หราหน้าเพจ ทำให้ประชาชนพากันขบขันและทึ่งในความสามารถของแฮกเกอร์คนดังกล่าว (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : จับได้แล้ว 2 คู่หูแก๊งเงินกู้ ยิงถล่มกลางงานสงกรานต์เลือดแม่ฮ่องสอน บาดเจ็บ 2 ราย)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี