กมธ.อุตฯสภาแฉ!
มี‘จนท.รัฐ’ส่อเอี่ยว
ขน‘กากแคดเมียม’
เชื่อมโยงทุนจีนเทา
“กมธ.อุตสาหกรรม” ถก“กากแคดเมียม”ยันมี“เจ้าหน้าที่รัฐ”ส่อเอี่ยว ขนย้ายกากแคดเมียม เผย 4 ตัวละครเป็น“ทุนจีนเทา”เชื่อมโยง แนะนายกฯทำเป็น‘วาระแห่งชาติ’ เสนอดับเบิ้ลซีลใส่ตู้คอนเทรนเนอร์ก่อนขนย้าย ป้องกันฟุ้งกระจาย จี้เร่งเคลื่อนย้ายฝังกลบก่อน 7 พ.ค. ‘ปลัดฯอุตฯแจง กมธ.ขนย้ายกากแคดเมียมกลับจ.ตาก-ใส่ถุงซ้อนปิดมิดชิด-ใช้รถ30คันขน-ไม่พบกัมมันตภาพรังสีจากตะกอน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 เมษายน 2567 ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าวันนี้ที่ประชุมกมธ.ได้เชิญ6 หน่วยงาน เพื่อพิจารณาแก้ปัญหากากแร่แคดเมียม โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมมาบูรณาการหลักร่วมกับ 5หน่วยงาน โดย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม มาชี้แจงด้วย คงจะได้ทราบข้อเท็จจริงซึ่งได้รับทราบจากข่าวว่าจะมีกาเริ่มเคลื่อนย้ายกากแร่แคดเมียมในวันที่7 พ.ค.ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าทำไมถึงช้า เพราะอะไร ตนจะได้สอบถามในที่ประชุมว่าจะเลื่อนการเคลื่อนย้ายให้เร็วกว่าวันที่ 7 พ.ค.ได้หรือไม่ รวมทั้งเรื่องการจัดการกากแร่แคดเมียมที่ตรวจพบทั้งที่จ.สมุทรสาคร ชลบุรีและตาก จะดำเนินการอย่างไร ถ้ามีขนย้ายควรจะมีตู้คอนเทรนเนอร์มาบรรจุเพื่อไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายระหว่างขนย้ายของแคดเมียมได้อย่างไรเพื่อจะได้ป้องกันปัญหา และผลกระทบที่จะเกิดกับพี่น้องประชาชนที่อาศัยบริเวณโดยรอบ ได้ดำเนินการไปอย่างไรแล้วบ้าง
โดยจะมีการเสนอให้ซีลสองรอบ และใส่ไปในตู้คอนเทรนเนอร์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแล้วค่อยขนย้ายไป จ.ตาก โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นถ้าผู้ประกอบการไม่สามารถดำเนินการได้รัฐก็ต้องนำงบประมาณไปดำเนินการก่อน ส่วนขั้นตอนการฟ้องร้องค่าใช้จ่ายต้องให้รัฐไปฟ้องร้องกับผู้ประกอบการออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพราะหากจะรอให้ผู้ประกอบการพร้อม ตนคิดว่าไม่ทันและจะเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ที่ทางกมธ.ระบุว่ามีข้อมูลเชิงลึกในเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐรับผลประโยชน์ว่าได้ข้อมูลมาทางไหน นายอัครเดชกล่าวว่าเราทราบเหตุการณ์นี้เพราะมีคนมาร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่รัฐรับผลประโยชน์ในเรื่องของการย้ายกากแร่แคดเมียม ซึ่งเป็นหน่วยงานในภายที่ร้องมากมธ.จึงได้ตรวจสอบประมาณเดือนม.ค.เรายังไม่รู้ว่าเป็นกากแร่อะไร จนรับทราบเบื้องต้นว่าต้นทางอยู่ที่ จ.ตากได้สอบสวนหาข้อเท็จจริง กมธ.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสอบ จนประชุมนัดที่4 จึงทราบ และแถลงข่าวให้รัฐบาลไปดำเนินการให้ประชาชนเฝ้าระวัง ถือเป็นโชคดีของคนไทยที่เราเจอเร็ว ไม่ใช่ว่าต้องให้ประชาชนล้มป่วยก่อน เหมือนในต่างประเทศ แล้วเราค่อยมาสืบหากันว่าประชาชนล้มป่วยเสียชีวิตเพราะอะไร
เมื่อถามว่าเจ้าหน้ารัฐที่ถูกร้องเรียนเป็นระดับท้องที่ ต้นทาง ปลายทาง หรือ กำกับดูแลใบอนุญาต นายอัครเดช กล่าวว่า ในเอกสารที่มีการส่งมาร้องเรียน เบื้องต้นมีทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่มาจากระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนจะเป็นต้นทาง ปลายทาง หรือ ระดับไหน ขอรอให้เกิดความชัดเจนอีกครั้งซึ่งในที่ประชุมกมธ.จะมีการติดตามการดำเนินคดี กับผู้ที่กระทำความผิดไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ประกอบการต้นทาง ปลายทางหรือส่วนที่จะเตรียมการส่งออก ละเมิดกฎหมาย และผิดกฎหมายข้อไหน และหน่วยงานไหน จะดำเนินคดีอย่างไร
เมื่อถามว่าการขนย้ายไปฝังกลบที่ จ.ตาก ซึ่งมีความเสี่ยงระหว่างขนย้าย รวมทั้งผลกระทบกับพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงที่พบและทำลายจะดำเนินการอย่างไร นายอัครเดช กล่าวว่า ในอีไอเอ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมระบุชัดเจนที่เป็นส่วนหนึ่งที่อนุญาตคือ จ.ตากประกอบการทำเหมืองแร่และถลุงแร่สังกะสีและกากแร่แคดเมียม ซึ่งในใบอนุญาต มีอีไอเอ ที่ระบุไว้ว่าจะต้องมีการฝังกลบที่ จ.ตาก เมื่อมีการละเมิด อีไอเอเอาออกมานอกพื้นที่ซึ่งขั้นตอนเจ้าหน้าที่รัฐ ได้มีคำสั่งทางปกครองไปแล้วว่า ให้ขนกลับไปเก็บที่เดิมภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายฉะนั้น ต้องขนกลับไปเก็บที่เดิมก่อน
ส่วนอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรจะย้ายที่ฝังกลบหรือจะดำเนินการอย่างไรกับกากแร่แคดเมียม ซึ่งวันนี้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจก็ต้องไปทำอีไอเอเพิ่ม และต้องศึกษากฎหมายด้วยว่าอนุญาตให้ทำอย่างไร และต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่านักวิชาการหรือใครอยากให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้มันทำไม่ได้ เพราะต้องปฏิบัติตามกฎหมายก่อน และถ้าไม่เปิดช่องให้ในอนาคตมีความจำเป็นต้องดำเนินการ เราในฐานะสส.ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีหน้าที่แก้กฎหมายเราก็พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็น เพื่อแก้กฎหมายดังกล่าวเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
เมื่อถามว่ามีข้อมูลทุนจีนเทาเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้หรือไม่ประธานกมธ.อุตสาหกรรมกล่าวว่า ในการข่าวทราบว่า ผู้ประกอบการต่างประเทศที่เป็นคนจีน เตรียมส่งออกและมีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว มีความเชื่อมโยงกันหมดในตัวละคร ตั้งแต่ ต้นทางที่จ.สมุทรสาครก็เป็นคนจีน จะมีการขนย้ายไปที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรีและเตรียมส่งออกก็เป็นคนจีน เจ้าของโรงงาน ที่ไปตรวจพบกากแร่แคดเมียมที่ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรีและเป็นผู้ประกอบการคนจีน ที่กมธ.อุตสาหกรรม เคยทำเรื่องนี้พบว่าโรงงานทำผิดกฎหมายและให้เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(บก.ปทส.)ไปจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว
“จะเห็นได้ว่าตัวละครที่เป็นคนจีนมีทั้งหมด 3 ตัวละคร ตัวละครสุดท้ายต้นทางที่ จ.สมุทรสาครที่เป็นโรงหลอม ก็มีผู้ประกอบการคนจีนที่สวมสิทธิ์หลบเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นเรื่องที่กมธ.กำลังจะสอบว่าจริงๆแล้วมีการกระทำความผิดตามที่ประกอบการโรงหลอมคนไทยร้องเรียนมาหรือไม่ จึงจะเห็นได้ว่ามีทั้งหมด 4 ตัวละครที่เป็นคนจีน ซึ่งเชื่อมโยงกันหมดเป็นเครือข่าย ผมจึงเรียกร้องให้นายกฯหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นวาระแห่งชาติในการดำเนินการกับนักลงทุนจีนสีเทาทางด้านอุตสาหกรรมที่ละเมิดกฎหมาย เพราะอ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ทุนจีนก็กระทำความผิดซ้ำซาก ทำให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องชาวชลบุรีอย่างต่อเนื่องรุนแรง ซึ่งทางกมธ.เคยสอบสวนและให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินคดีมาแล้ว” นายอัครเดช กล่าว
เมื่อถามถึงผลตรวจปัสสาวะประชาชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่จ.สมุทรสาคร จะต้องสอบหรือไม่ว่าแคดเมียมได้มีการรั่วไหลออกไปแล้วหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ที่จ.สมุทรสาครได้รับทราบจากจังหวัดว่ามีการตรวจพบคนในโรงงานมีค่าแคดเมียมเกิน ส่วนนอกโรงงานก็มีค่าแคดเมียมเกินเหมือนกัน ในที่ประชุมกมธ.วันนี้จะได้รับทราบจากจังหวัดสมุทรสาครอย่างเป็นทางการว่าค่าแคดเมียมเกินไปเท่าไหร่และจะดำเนินอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่รัฐจะต้องไปดูแล และผู้ประกอบการที่กระทำความผิดจะต้องรับผิดชอบด้วย และอีกส่วนที่สำคัญคือสารที่ตกค้างไม่ว่าในดิน อากาศ น้ำ จะดำเนินการตรวจสอบอย่างไรให้ประชาชนมีความอุ่นใจ เพราะจ.สมุทรสาคร เป็นแหล่งอุตสาหกรรม จะต้องทำอย่างไรให้ประชาชนเกิดความปลอดภัย
ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)อุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร มีนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นประธานคณะกมธ.ฯเป็นประธานพิจารณาเรื่องการขนกากแร่อุตสาหกรรมแคดเมียม โดยได้นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล
ในช่วงหนึ่งการประชุม นายณัฐพล ชี้แจงว่า แผนการเคลื่อนย้ายกากตะกอนกลับที่เดิมโดยเตรียมการขนย้ายใส่ในรถเปิดแต่ใส่ในถุงซ้อนปิดมิดชิด คลุมด้วยพลาสติกอีกครั้งจะขนได้ประมาณ 30 ตันต่อคันรถ ใช้รถ 30 คัน คาดจะเพียงพอ ในวันนี้(17เม.ย.)จะทดสอบความแข็งแรงของบ่อว่าพร้อมหรือไม่ ซึ่งตนและผู้บริหารจะลงไปตรวจสอบด้วยตนเอง เมื่อปรับปรุงบ่อเสร็จ จะตรวจองค์ประกอบต่างๆเช่นตรวจสถานะของกากตะกอนทุกถุงว่าต้องเป็นด่างตามที่อีไอเอกำหนดไว้ ปรับระบบบ่อน้ำเสีย โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมตลอดเวลา ปิดบ่อและดูดฝุ่นทุกวัน รวมถึงตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดินทุก 3 เดือน
“ในวันที่ 18 เม.ย.นี้จะสรุปความเห็น ต่อ คณะกรรมการ 6 กระทรวง หากมีจุดสุ่มเสี่ยงก็จะดำเนินการให้เหมาะสมและดำเนินการตรวจสอบอย่างเรียบร้อย ส่วนการสืบหาสาเหตุที่กากตะกอนมาปรากฏที่กรุงเทพฯได้นั้น คาดว่าในกรุงเทพฯ เป็นจุดพักของ พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงและดำเนินการอย่างเต็มที่ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี”ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ย้ำ
และยังชี้แจงว่าเหตุที่ไม่ใส่ในตู้คอนเทนเนอร์ เพราะจะมีความยุ่งยากเรื่องการขนย้ายเข้าออก ขอย้ำกากตะกอน ไม่มีกัมมันตภาพรังสี หากไม่มีการฟุ้งกระจายก็สามารถควบคุมได้แต่ให้เร่งทำถุงซ้อนสองชั้น เพื่อปกคลุมไม่ให้มีการฟุ้งกระจายไปก่อน ซึ่งมาตรการนี้เป็นไปตามมาตรฐานของสหประชาชาติ
โดยนายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ ชี้แจงว่ากระบวนการในการขนย้ายกากตะกอนกลับต้องมีการอนุญาต และเตรียมดำเนินการ องเผื่อระยะเวลาในการตรวจสอบและซ่อมแซมบ่อสำหรับฝังกลบใน จ.ตาก ให้เรียบร้อยก่อนและต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่และขออนุญาตหน่วยงานต่างๆเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ จะใช้เวลา1สัปดาห์เผื่อขนย้ายกากตะกอนที่อยู่ในจ.ตาก แล้ว ลงบ่อ จากนั้น เป็นการขนย้ายกากตะกอนจากพื้นที่ต่างๆ โดยเรียงตามลำดับความสำคัญและความพร้อมในการขนส่ง กระบวนการนี้เป็นร่างที่กระทรวงฯเห็นว่ามีความเหมาะสม โดยจะเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อรับฟังความเห็นอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี