ปฏิบัติการ"BLACK HAT" ล่าล้างขบวนการหลอกลงทุนคริปโต ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 125 ล้าน เตรียมเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ พร้อมด้วย นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและหัวหน้าโฆษก สำนักงาน ปปง.แถลงข่าวปฏิบัติการล่าล้างขบวนการหลอกลงทุนคริปโต สามารถตรวจยึดทรัพย์สินเป็นเงินสดกว่า 125 ล้านบาท โดยได้นำเงินสดจำนวนดังกล่าวมาตั้งแสดงประกอบการแถลงข่าว
สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2566 ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการทลายเว็บพนันออนไลน์ ufabet-JC และ plat.beer777 ซึ่งครั้งนั้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนมาก พร้อมกับยึดเงินสดมูลค่า 117 ล้านบาท และรถยนต์หรูมูลค่า 8 ล้านบาท รวมมูลค่าของกลางทั้งสิ้น 125 ล้านบาท
โดยในช่วงเวลาเดียวกัน ตำรวจไซเบอร์ได้รับการแจ้งความร้องทุกข์จากกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 5 ราย ว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงให้ลงทุนสินทรัพย์ดิจิตอลหรือ cryptocurrency ผ่านการสร้างแพลตฟอร์มปลอมและหลอกผู้เสียหายว่าจะได้กำไรจากการลงทุน สร้างความเสียหายมากกว่า 527 ล้านบาท
ต่อมา ตำรวจไซเบอร์ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลและวิเคราะห์เส้นทางการเงิน พบว่า ขบวนการหลอกลวงลงทุนคริปโตเคอเรนซี่ขบวนการนี้ มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับขบวนการเว็บพนัน 2 เว็บที่จับกุมได้ก่อนหน้า เนื่องจากพบว่า มีหนึ่งในผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ คือนายกัญจน์นิพิฐ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทางการเงินคอยรับฟอกเงินให้กับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ รวมไปถึงการนำเงินที่ได้จากขบวนการหลอกลวงลงทุน cryptocurrency มาฟอกเงินร่วมกันด้วย จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า ทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้จากคดีเว็บพนันออนไลน์ทั้ง 2 คดีนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการนำเงินหลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนคริปโตเคอเรนซี่มาแปลงสภาพเป็นทรัพย์สินต่างๆ โดยเชื่อว่าขบวนการหลอกลงทุนคริปโตเคอเรนซี่มีฐานที่มั่นอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้มีความสัมพันธ์รู้จักกันกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติกลุ่มอื่นๆ
ทางตำรวจไซเบอร์จึงดำเนินการกวาดล้างจับกุมขบวนการหลอกลงทุน โดยรวบรวมพยานหลักฐานและสามารถออกหมายจับผู้ต้องหากว่า 23 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์และความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด
ส่วนเงินสด 117 ล้านบาท และรถยนต์หรูมูลค่า 8 ล้านบาท ซึ่งเป็นของกลางในคดีเว็บพนันออนไลน์นั้น ทางตำรวจไซเบอร์ได้รายงานข้อมูลดังกล่าวให้แก่สำนักงาน ปปง.ทราบว่า ทรัพย์สิน 2 รายการนี้ เป็นการฟอกเงินจากขบวนการหลอกลวงลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี ทางสำนักงาน ปปง.จึงมีคำสั่งที่ ย.93/2567 ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 ให้ดำเนินการอายัดและยึดทรัพย์สินทั้ง 2 รายการ คือ เงินสด 117 ล้านบาท และรถยนต์หรูมูลค่า 8 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินจำนวนทั้งสิ้น 125 ล้านบาท เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและนำทรัพย์มาเฉลี่ยคืนให้แก่ผู้เสียหาย
โดย นายวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเร่งรัดกระบวนการตรวจสอบทรัพย์สินที่ยึดได้ให้เรียบร้อย ก่อนจะออกประกาศการเฉลี่ยทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหายในคดีหลอกลวงลงทุน cryptocurrency คดีนี้ลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งคุ้มครองสิทธิ์และเข้าสู่กระบวนการเฉลี่ยทรัพย์ ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาสักพักหนึ่ง แต่ทาง ปปง.จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด เพื่อเฉลี่ยทรัพย์บรรเทาเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย
ด้าน นายสุทธิเกียรติ เปิดเผยว่า คดีหลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนนั้น ถือว่าเป็นคดีที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความมากที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านมาของคดีอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งเรื่องนี้นั้นทางรัฐบาลร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและตำรวจไซเบอร์ เร่งรัดการทำงานเพื่อสืบสวนสอบสวนและจับกุมผู้ทำความผิดในคดีนี้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งกำหนดเป็นแนวนโยบายว่า หากสามารถยึดทรัพย์สินของกลางได้ จะต้องนำทรัพย์สินเหล่านี้มาคืนเฉลี่ยเพื่อบรรเทาเยียวยาแก่ผู้เสียหาย
ทั้งนี้ ยังฝากเตือนถึงพี่น้องประชาชนว่า ช่วงนี้มีการเชื้อเชิญชักชวน ให้ประชาชนลงทุนเกี่ยวกับสินค้าออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ จึงขอฝากเตือนให้พี่น้องประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณระมัดระวังการลงทุนกับสินค้าออนไลน์เหล่านี้หรือหลีกเลี่ยงการลงทุนกับสินค้าออนไลน์เหล่านี้จะดีที่สุด
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี