‘บิ๊กโจ๊ก’ระทึก!‘ปปง.’รับเรื่องเช็คเส้นทางเงินแล้ว ยึดทรัพย์เครือข่าย‘มินนี่’เพิ่ม

24 เมษายน 2567 ที่สำนัก งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่ายเว็บพนัน BNK Master ของ สน.เตาปูน ที่มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ตกเป็นผู้ต้องหาด้วย ว่า ปปง.ได้รับเรื่องจาก สน.เตาปูน เจ้าของคดีแล้ว เนื่องจากเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน จึงต้องมีการรายงานมายัง ปปง. ตามขั้นตอน ซึ่ง ปปง. จะตรวจสอบและนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินในเชิงลึก ว่าเกี่ยวข้องไปถึงบุคคลใดบ้าง

ส่วนที่ทนายความชื่อดังออกมาแฉเส้นทางการเงิน จะสอดคล้องกับข้อมูลที่ทาง ปปง. มีหรือไม่ นายเทพสุ กล่าวว่า จะนำข้อมูลทั้งหมดมาประกอบ แต่ไม่ได้ใช้ในเชิงลึก เพราะปปง. ต้องตรวจสอบหลักฐานทุกอย่างเอง เพื่อให้เกิดความชัดเจนรัดกุมเมื่อคดีไปถึงชั้นศาล ก็จะต้องสามารถตอบศาลได้ว่าบุคคลที่ถูกปปง.ยึดทรัพย์ มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินอย่างไร

วันเดียวกัน นายเทพสุ แถลงผลงานการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา หรือระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึงเมษายน 2567 ปปง.ได้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับมูลฐานความผิดกว่า 12,160 ล้านบาท โดยยึดอายัดทรัพย์สิน 130 คำสั่ง 121 คดี ส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินรวมมูลค่า 6,713 ล้านบาท  และส่งเรื่องให้อัยการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน 39 คดี รวมมูลค่าทรัพย์กว่า 5,447 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีฉ้อโกง

กลุ่มคดีล่าสุดที่ ปปง. มีการดำเนินการตามผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการกับทรัพย์สิน 655 รายการ จากคดี 47 คดี รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 3,364 ล้านบาท แบ่งเป็น

1.ยึดอายัดทรัพย์สิน 12 คดี 76 รายการทรัพย์สิน รวมมูลค่า 86 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือคดีเว็บพนันเครือ betflixroyal (เบ็ท ฟลิกซ์ รอยัล) ซึ่งเป็นการขยายผลจากเครือข่ายเว็บพนันมินนี่ โดย ปปง.ตรวจพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดเพิ่มเติม 4 รายการ เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินฝากในบัญชีธนาคาร รวมมูลค่า 68 ล้านบาท เมื่อรวมกับมูลค่าทรัพย์สินเก่าที่ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้นรวม 109 ล้านบาท

“ส่วนการขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของ มินนี่ กับกลุ่ม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ระหว่างขยายผลดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินต่อไป” นายเทพสุ กล่าว

2.ปปง.ส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน 27 คดี 233 รายการทรัพย์สิน รวมมูลค่า 2,900 ล้านบาท โดยมีคดีสำคัญคือคดีหุ้น STARK ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน 255 รายการ รวมมูลค่า 2,890 ล้านบาท รวมทรัพย์สินที่ ปปง. ดำเนินการไปแล้วกว่า 3,200 ล้านบาท

3.ปปง.ส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์ชดใช้คืนแก่ผู้เสียหาย หรือการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย 8 คดี รวมมูลค่า 283 ล้านบาท ได้แก่คดี Forex-3D มีผู้เสียหายที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิ์ 7,626 ราย รวมมูลค่าทรัพย์ 258 ล้านบาท และคดีของนายบิน ฮู กับพวก ที่หลอกชักชวนลงทุนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชั่นสนทนาออนไลน์ต่างๆ โดยปปง.ส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย 6 ราย รวมมูลค่า 7 ล้านบาท

นอกจากนี้ ข้อมูลศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือศูนย์ AOC ที่รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายในการประสานงานระงับธุรกรรมกับธนาคาร 16 แห่ง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ถึง มีนาคม 2567 มีบัญชีม้าถูกอายัด 140,819 บัญชี และมีเงินที่ถูกระงับไว้ได้ 4,034 ล้านบาท  มีรายชื่อบุคคลเจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้กระทำผิด ทั้งที่พนักงานสอบสวนรับเป็นเลขคดีอาญาแล้วและยังไม่ได้รับ รวม 33,359 รายชื่อ มีบัญชีธนาคารที่ถูกระงับการทำธุรกรรม 324,607 บัญชี และมีเงินในบัญชีที่ถูกระงับไว้ได้รวม 923 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปปง.ได้ตั้งเป้ากำหนดรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน หรือบัญชีม้า ให้ได้ 200,000 รายชื่อ และระงับธุรกรรมบัญชีม้าให้ได้ 1 ล้านบัญชีภายในปี 2567 พร้อมกำชับสถาบันการเงินให้เข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารการเปิดบัญชีของทั้งบุคคลและนิติบุคคล โดยหากยังปล่อยปละละเลยไม่เข้มงวด ปปง.ก็จะเข้าไปดำเนินการ

นายเทพสุ กล่าวว่า อีกผลงานของ ปปง. ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการติดตามทรัพย์สินที่กระทำความผิดในต่างประเทศ คือ การติดตามทรัพย์คดีเครือข่ายยาเสพติดเครือข่าย “เหว่ยเซี๊ยะกัง” คืน จากสหพันธรัฐสวิส หลังจากคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติอายัดเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร Credit Suisse จำนวน 2 บัญชีของนางอัญชลี และนายชนาธร กับพวก โดยเป็นเงินกว่า 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 2.3 ล้านฟรังก์ สวิส ล่าสุดอัยการสูงสุดได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสแล้ว และสมาพันธรัฐสวิสตกลงจะโอนเงินคืนให้ประเทศไทยกว่า 1.8 ล้านฟรังก์สวิส หรือประมาณ 76 ล้านบาท คืนมาให้ทางการไทยภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป นับเป็นคดีแรกของไทยที่ได้รับทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคืนจากต่างประเทศ

-005