วันที่ 26 เมษายน 2567 เวลา 08.30 น. ที่ กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วยนายจักร ลิ่มบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น ,นายปิยวัฒน์ กองสุราษฏร์ ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม น.ช.รัชพล หรืออาร์ต อายุ 35 ปี นักโทษคดียาเสพติดซึ่งหลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลด้วยการปีนประตูรั้วด้านข้างศาล จ.ขอนแก่นหลบหนีขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนร่วมขบวนการค้ายาเสพติดมารอรับเหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา พร้อมกับจับกุมนายพลังวัชร (ขอสงวนนามสกุล) หรือน๊อต อายุ 20 ปี อยู่ ต.ถนนนครชัยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ขณะที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในเขต ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น
พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า หลังจากที่ น.ช.รัชพล หรือนายอาร์ต อาศัยจังหวะช่วงที่กำลังควบคุมตัวจากศาล จ.ขอนแก่น กลับมาขึ้นรถของกรมราชทัณฑ์เพื่อนำกลับไปคุมขังที่ทัณฑพสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น หลังสิ้นสุดการฟังคำพิพากษาโดยปีนรั้วศาลออกพร้อมโซ่ตรวนและชุดนักโทษ ก่อนที่จะมีนายพลังวัชร หรือนายน็อต ขับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ หมายเลขทะเบียน ขพฉ-780 ระยอง มารับและหลบหนีไป ซึ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น.ชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น และชุดเฉพาะกิจกรมราชทัณฑ์ ได้กำลังไล่ล่าติดตามจับกุมอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งทราบว่า ทั้ง 2 คนได้ไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านญาติในพื้นที่บ้านผือ ต.พระลับ อ.เมืองขอนแก่น เพื่อถอดโซ่ตรวน ซึ่งเมื่อถอดโซ่ตรวนได้แล้ว นายอาร์ต ก็ไปเอารถยนต์เก๋ง โตโยต้า สีบรอนด์ทอง หมายเลขทะเบียน กต-5872 ขอนแก่น ซึ่งเป็นของคนรู้จักกัน ขับขี่ออกมาเพื่อหลบหนีต่อ ส่วนรถจักรยานยนต์คันที่ใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนีจากศาลนั้น จอดทิ้งไว้ในบ้านญาติของนายน๊อต
"จากนั้นทั้ง 2 คนได้ไปเอายาบ้า จำนวน 14,000 เม็ด ที่ซุกซ่อนไว้ในพื้นที่อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม แล้วก็เปิดห้องพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ชุดจับกุมได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมและแกะรอยจนทราบว่า ทั้ง 2 คนออกจากรีสอร์ทที่ อ.เชียงยืน ในเวลา 05.00 น.แล้วมาเข้าพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ บ.ศิลา ม.18 ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น โดยเข้าพักที่ห้องหมายเลข 24 วันนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่สืบทราบแน่ชัดแล้วว่า ทั้ง 2 คน เข้าพักและไม่มีใครออกมา จึงประสานงานร่วมรีสอร์ทและวางกำลังโดยรอบก่อนที่จะเข้าทำการตรวจค้น ซึ่งเมื่อเข้าในห้องก็มีกลิ่นยาบ้าคละคลุ้งและพบนายอาร์ตและนายน๊อตกำลังมั่วสุมเสพยาบ้าอยู่ โดยในชักโครกของห้องส้วมมีน้ำสีแดง นอกจากนี้ยังคงพบถุงบรรจุยาบ้าเกลื่อนพื้น จึงได้ควบคุมตัวและตรวจยึดยาบ้าในห้องจำนวน 8,000 เม็ด ส่วนยาบ้าที่ถูกแกะทิ้งลงชักโครกนั้นประมาณ 6,000 เม็ด จึงควบคุมตัวและตรวจยึดของกลางทั้งหมดมาสอบสวนที่ กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น จากนั้นจึงได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านญาติที่ผู้ต้องหาระบุ ซึ่งก็พบโซ่ตรวน รวมทั้งชุดนักโทษสีน้ำตาล หมวกกันน็อค รถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีและ โทรศัพท์มือถืออีก 2 เครื่อง"
พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของ น.ส.ธีระดา (ขอสงวนนามสกุล) ภรรยาของนายอาร์ตนั้น จากการสอบสวน ไม่พบพิรุธว่ามีการช่วยเหลือให้นักโทษหลบหนี ขณะที่การสอบสวน นายอาร์ต ยอมรับว่า เคยถูกตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น จับกุมตัวพร้อมยาบ้า จำนวน 8,600 เม็ด เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา และถูกคุมตัวเข้าทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น จนถูกศาลพิพากษาเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะไปที่ศาลหลังฟังคำพิพากษาแล้วเดินไปขึ้นรถ เพื่อกลับเข้าคุก เห็นภรรยาและเพื่อนจอดรถจักรยานยนต์อยู่ริมถนนเทพารักษ์ จึงตัดสินใจวิ่งหนีข้ามรั้ว ออกไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อน ให้พาหลบหนี โดยคิดว่า เมื่อหนีรอดมาได้ ก็ไปเอายาบ้า จำนวน 14,000 เม็ดที่ซ่อนเอาไว้ ส่งให้เครือข่ายเอาไปขาย เอาเงินหนีต่อ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามหลังการสอบสวนแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือ ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดก็หมาย ส่วนนายอาร์ตจะถูกแจ้งข้อหา หักแหกหลบหนีศาล เพิ่มอีก 1 ข้อหา ส่วนนายน็อต จะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มจากยาเสพติดอีก 1 ข้อหาคือข้อหา พานักโทษหักแหกหลบหนี ก่อนทำการควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแ่กน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตร.ขอนแก่นปิดเมืองล่านักโทษชายคดียาเสพติดหลบหนี ประกาศตั้งค่าหัว 5 หมื่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี