เมื่อวันที่ 28 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และสถานการณ์ภัยแล้ง ที่กำลังคุกคามในหลายพื้นที่ของ จ.บุรีรัมย์ อยู่ในขณะนี้ ได้พบว่าเริ่มมีชาวนาทยอยไถนาปรับพื้นที่ เพื่อเตรียมดินสำหรับทำการเพาะปลูกข้าวนาปี ในฤดูกาลเพาะปลูกที่จะมาถึงนี้ และใช้วิธีเผาตอซังข้าว เนื่องจากเป็นวิธีกำจัดตอซังข้าว ได้รวดเร็วและใช้แรงงานน้อย ก่อให้เกิดความสะดวกในการไถเตรียมดิน

ล่าสุดวันนี้ พบว่ายังมีการลักลอบจุดไฟเผาซากพืชผลทางการเกษตร และตอซังข้าว ที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดอากาศร้อน และเกิดฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ในพื้นที่ทุ่งนาริมถนนสาย อ.พลับพลาชัย-อ.เมืองบุรีรัมย์  รอยต่อบ้านสะเดา ต.สะเดา กับบ้านแสลงคง ต.โคกขมิ้น อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ และในพื้นที่บ้านหลักเขต ต.หลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้เกิดกลุ่มควัน และผงดำฟุ้งกระจายไปทั่ว ทำให้ประชาชนที่ใช้ถนนสายดังกล่าว ในการเดินทางต้องใช้ความระมัดระวัง รวมถึงตลอดทั้งเส้นทางยังพบมี ร่องรอยของการเผาตอซังข้าว อยู่เป็นระยะๆ ด้วย โดยไม่สนคำเตือนของทาง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2567 ที่ผ่านมาที่มีการออกประกาศห้ามเผาในทุกพื้นที่ของจังหวัดโดยเด็ดขาด

พร้อมมีการรณรงค์ให้ชาวนาในพื้นที่ หยุดการเผาตอซังข้าว เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พร้อมกับมีมาตรการขั้นเด็ดขาดเอาผิด กับผู้ลักลอบจุดไฟเผาตอซังข้าวแล้วก็ตาม  แต่ยังพบการลักลอบเผาตอซังข้าวอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

ในขณะที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลหลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมาทำการดับไฟ ที่กำลังลุกไหม้ทุ่งนา อยู่ริมถนนสาย อ.พลับพลาชัย-อ.เมืองบุรีรัมย์ ก่อนถึงบ้านหลักเขต ต.หลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ทุ่งนาในพื้นที่ความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลหลักเขต แทบทุกวันเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2 ราย ที่ต้องออกมาทำการดับเพลิง และยังไม่นับรวมที่ต้องไปช่วยสนับสนุนดับเพลิงในพื้นที่ข้างเคียงอีก ซึ่งช่วงนี้อากาศก็ร้อน น้ำก็มีน้อย 
 
อย่างไรก็ตาม อยากเรียกร้องให้ชาวนาที่จะจุดไฟเผาตอซังข้าว ได้คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย เพราะหากเกิดไฟไหม้ลุกลามไปยังที่นาพื้นที่ของเพื่อนบ้าน รวมถึงไหม้ลุกลามไปยังพื้นที่ป่า และหมู่บ้าน ก็จะทำให้เกิดอันตรายและความสูญเสียเกิดขึ้นได้