สงครามในพม่ารุนแรง พบผู้ลี้ภัยเข้าไทยกว่าแสน จี้รัฐหามาตรการรองรับ
1 พ.ค.67 นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ชี้แม้จะส่งกลับผู้ลี้ภัยสงครามที่แม่สอดกลับหมดแล้ว แต่ยังมีผู้ลี้ภัยการสู้รบอีกกว่าแสนคน ที่กระจายอยู่ทั้งแถบชายแดนและเข้ามาเมืองชั้นใน แนะรัฐบาลต้องเร่งมีมาตรการมารองรับจากกรณีการสู้รบระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยง KNLA สหภาพกะเหรี่ยง KNU และกองกำลังประชาชน PDF กับทหารพม่า บริเวณจังหวัดเมียวดี ประเทศพม่า ฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ของไทย รุนแรงต่อเนื่องมากว่าเดือนแล้ว ส่งผลให้มีผู้อพยพลี้ภัยเข้ามาสู่ประเทศไทย
ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ทางไทยจัดพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวรองรับ 5 พื้นที่ คือ ท่าทรายรุจิรา สำนักสงฆ์วังข่า บ้านวังตะเคียนใต้ ท่าข้ามสินค้า 33 และท่าข้ามสินค้า 35 มีผู้ลี้ภัย 3,000 คน ต่อมาทางไทยได้อำนวยความสะดวกส่งกลับโดยสมัครใจหมดแล้ว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ที่กลับไปเป็นเพียงจำนวนที่อยู่ในที่ควบคุม แต่ผู้ลี้ภัยจริงๆที่อยู่นอกพื้นที่ควบคุมมีอีกจำนวนมาก เนื่องจากสถานการณ์ด้านตะวันตกเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อน จากเดิมอพยพมาไปกี่วันก็กลับไปได้เอง เพราะการสู้รบมีเพียงประปราย ชั่วคราวระยะสั้นๆ แล้วกลับสู่ความสงบสุข แต่ปัจจุบันเป็นการสู้รบที่ยืดเยื้อยาวนาน และรุนแรงมากขึ้นมาก และไม่มีแนวโน้มที่จะสงบสุขหรือมีสันติภาพในเร็ววัน ทำให้มีผู้ลี้ภัยที่ลี้ภัยถาวรไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ เนื่องด้วยไม่สามารถทำกินได้ ระบบการศึกษาล่ม ไม่เปิดการเรียนการสอน พื้นที่อยู่อาศัยมีอันตรายจากการสู้รบ ฯ อพยพมาสู่ประเทศไทยจำนวนมากนับแสนคน
ผู้อพยพเหล่านี้ทราบดีว่าไม่สามารถกลับไปสู่ถิ่นฐานเดิมของตนเองได้ จึงอพยพมาทั้งครอบครัว ขนทรัพย์สินทั้งหมดมาด้วย ด้วยหวังจะมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย ที่สามารถไปประเทศที่สามก็เดินทางต่อไปประเทศที่สาม เมื่อประเทศไทยไม่เปิดให้คนเหล่านี้เข้าสู่ค่ายผู้ลี้ภัยหรือที่พักพิงที่ปลอดภัยได้ คนเหล่านี้จึงไปอาศัยอยู่ตามบ้านญาติ โรงงาน หรือที่ต่างๆ นอกพื้นที่ควบคุมและค่ายผู้ลี้ภัย โดยบางส่วนก็เข้ามาสู่เมืองชั้นใน เช่น สมุทรสาครซึ่งเป็นพื้นที่มีญาติอยู่แล้ว
แนวโน้มความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีผู้ลี้ภัยเข้ามาไทย และมาประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว เพิ่มมากขึ้นในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เฉพาะในแม่สอดพบว่าเศรษฐกิจที่ควรจะซบเซาตามเศรษฐกิจประเทศ กลับเฟื่องฟู มีคนมาซื้อบ้านเรือนและที่ดินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ยิ่งความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ยิ่งมีผู้อพยพเข้ามาเพิ่มขึ้นอีก
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องมีมาตรการรองรับผู้ลี้ภัยที่อพยพมาอยู่ในประเทศไทยแล้วกว่าแสนคนอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นดังเช่นในปัจจุบัน โดยการจัดทำทะเบียนคนเหล่านี้ให้ครบถ้วน เปิดโอกาสให้คนเหล่านี้เข้าถึงระบบทะเบียนราษฎร์ของกลุ่มที่ไม่มีสัญชาติไทย มีนโยบายและมาตรการรองรับคนเหล่านี้ระหว่างอยู่ในประเทศไทยและไม่สามารถกลับประเทศต้นทางหรือไปประเทศที่สามได้
โดยหากเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงาน จะสามารถทำงานเพื่อเลี้ยงชีพและครอบครัวอย่างถูกต้องได้อย่างไร ในขณะที่ในภาคแรงงานประเทศไทยยังขาดแคลนแรงงานระดับล่างจำนวนมาก เพราะคนไทยมีการศึกษาสูงขึ้นไม่ทำงานประเภทนี้
ในส่วนเด็กและเยาวชนในวัยเรียนจะสามารถเรียนต่อในระบบการศึกษาไทยอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร แม้ประเทศไทยจะมีมติคณะรัฐมนตรี และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการที่ให้คนทุกคนในประเทศไทยทั้งที่ไม่มีสัญชาติไทยหรือไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร สามารถได้รับการศึกษาในระบบและนอกระบบ ถึงชั้นสูงสุดคือปริญญาเอกได้ทุกคน มาตั้งแต่พ.ศ. 2548 แต่ในการปฏิบัติจริงพบว่ามีปัญหาอยู่มาก ทำให้มีเด็กและเยาวชนเข้าไม่ถึงและไม่ได้รับการศึกษานับแสนคน
เฉพาะที่อำเภอแม่สอด พบว่ามีโรงเรียนจำนวนมากไม่รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรเข้าเรียนในสถานศึกษา ซึ่งทางรัฐบาลและสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานต้องสั่งกำชับและลงโทษผู้บริหารที่ไม่ปฏิบัติรับเด็กเข้าเรียนตามกฎหมาย รวมทั้งมีการเทียบวุฒิการศึกษาเพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถเรียนต่อได้โดยไม่ขาดช่วง
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ต้องสามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้อย่างชั่วคราวตามกฎหมาย และสามารถเดินทางไปทำงานหรือไปเรียนหนังสือได้ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ รับจ้างขนคน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตเรียกไถหาผลประโยชน์จากผู้ลี้ภัยเหล่านี้
รัฐบาลต้องยอมรับความเป็นจริง ถึงการมีอยู่จริงของคนเหล่านี้กว่าแสนคน และมีมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างตรงไปตรงมา นำคนเหล่านี้เข้าสู่ระบบ ยอมรับตัวตน มีเอกสารกำกับเพื่อควบคุมและดูแล จะนำมาสู่ความมั่นคง ทั้งความมั่นคงของประเทศและความมั่นคงของมนุษย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี