‘สนธิญา’ร้อง DSI รับเรื่อง‘กากแคดเมียม’เป็นคดีพิเศษ เห็นใจ‘ขร-อธิบดีกรมโรงงานฯ’
2 พฤษภาคม 2567 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบกรณีกากแคดเมียมในหลายประเด็น ทั้งยังขอให้ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ดำเนินการชี้ชัดว่าจะมีกระบวนการดำเนินการกับบริษัทเอกชนที่มีการซื้อขายกากแคดเมียมอย่างไร และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงจะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับเรื่อง
นายสนธิญา กล่าวว่า เรื่องสารพิษแคดเมียม มีผู้กระทำการให้เกิดความเสียหายประกอบการกระทำผิดกฎหมายหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน จึงเห็นว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหน่วยงานที่จะเข้ามาตรวจสอบความจริงให้ปรากฏเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศได้ โดยตนได้ตั้งข้อสงสัย คือ 1.ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายกากแคดเมียมนั้น หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ มีการซื้อขายระหว่างบริษัทเอกชนที่ตันละ 1,200 บาท จึงมองว่าควรเป็นหน้าที่รับผิดชอบของบริษัทเอกชนที่ซื้อขายกัน 2.หน่วยงานใดรับผิดชอบในการอนุญาตนำกากแคดเมียมขึ้นมาจากหลุมฝังกลบ ทั้งๆที่เป็นสารพิษ 3.การบรรทุกรถมีน้ำหนักเกินหรือไม่ 4.จังหวัดที่มีสารแคดเมียมไปเก็บกัก หน่วยงานราชการใดในจังหวัด เช่น กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร ชลบุรี ใครเป็นผู้รับผิดชอบ และ 5.เอกชนที่เป็นเจ้าของพื้นที่กักเก็บแคดเมียม รับผิดชอบอย่างไร
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า วันนี้ที่ตนเดินทางมาร้องเรียนต่อกรมสอบ สวนคดีพิเศษ เนื่องด้วยในฐานะที่ตนเป็นคณะทำงานเกี่ยวกับการพัฒนายุทธศาสตร์ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนใต้ จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.เพชรบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และกากแคด เมียมก็ไปถูกเจอที่ จ.สมุทรสาคร จากนั้นเมื่อสืบสาวเรื่องจึงได้ข้อมูลว่าบริษัทใดเป็นต้นทางของการผลิตสังกะสีที่ จ.ตาก และเมื่อถลุงสังกะสีก็เหลือเป็นกากแคดเมียมหรือแร่บางส่วน และฝังไว้ที่ จ.ตาก กว่า 20 ปี นอกจากนี้กากแคดเมียมยังมีจำนวนกว่า 300,000 ตันที่ถูกฝังอยู่ใน จ.ตาก ในพื้นที่ 2,000 ไร่ ขณะที่ส่วนอื่นทะลักไปอยู่ในเขตพื้นที่ จ.ระยอง
นายสนธิญา กล่าวว่า ตนได้เรียนแจ้งต่อ น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ แล้วว่าที่ จ.ระยอง ก็มีการร้องเรียนมายังตนว่าแคดเมียมตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ฝังอยู่ใน จ.ระยอง และมีการขนย้ายในช่วงกลางคืน ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ มันเริ่มต้นโดยบริษัทเอกชนและบริษัทเอกชนที่มีการซื้อขายกัน ตันละ 1,200 บาท แต่เมื่อ 2 หน่วยงานเอกชนซื้อขายกัน ตนมองว่านอกจากอุตสาหกรรมจังหวัดหรือหน่วยงานรัฐใน จ.ตาก จะต้องรู้เรื่องการบรรทุกขนย้ายกากแคดเมียมมาที่ จ.สมุทรสาคร กทม. และชลบุรี ก็ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่ต้องร่วมรับผิดชอบความปลอดภัยของประชาชน ตนเห็นว่าวันนี้สถานการณ์ของกากแคดเมียมไปทำให้อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมและข้าราชการบางส่วนเดือดร้อน ทั้ง ๆ ที่เป็นการกระทำความผิดของบริษัทเอกชน แล้วนำมาสู่การตรวจสอบ ตนจึงต้องร้องเรียนขอให้ดีเอสไอตรวจสอบหลายหน่วยงานที่ร่วมกันกระทำความผิด และให้ไปดูว่ามีกากแคดเมียมกระจายอยู่ที่ไหนอย่างไรบ้าง จะได้ไปจัดการให้หมด
นายสนธิญา กล่าวต่อว่า ทางดีเอสไอได้แจ้งว่าได้มีการตั้งเลขสืบสวนในเรื่องกากแคดเมียมไว้แล้ว แต่จุดประสงค์ของตน คือ 1.เรียกร้องให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจังหวัดตาก อุตสาหกรรมจังหวัดตาก ผู้บริหารจังหวัด ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น หรือผู้อนุญาตให้มีการขุดกากแคดเมียม หรือกรมทางหลวงที่ปล่อยให้มีการขนส่งไม่ต่ำกว่า 500 เที่ยวมาถึงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร กทม. และชลบุรี ส่วนใน กทม. จริงหรือไม่ที่มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมีนามสกุลเดียวกับ สก.พรรคการ เมืองหนึ่ง ตรงนี้ดีเอสไอต้องไปสืบเสาะ
ส่วนประเด็นที่ 2 ในกรณีที่บริษัทเอกชนมีการซื้อขายกากแคดเมียมระหว่างกันเอง การซื้อขายเป็นกระบวนการที่กระทำผิดมูลฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 (มาตรา 3) และความผิดมูลฐานข้อที่ 15 ตนจึงขอให้ดีเอสไอตรวจสอบและยึดทรัพย์สิน และดำเนินคดีกับพฤติการณ์ในลักษณะนี้
ประเด็นที่ 3 ขอให้ตรวจสอบพื้นที่หนึ่งในจังหวัดระยองที่มีการขนถ่ายสารพิษเหล่านี้ เพราะตนได้รับทราบว่ามีจำนวนกว่าแสนตันที่ฝังอยู่ เพื่อดูว่าเป็นกากแคดเมียมหรือไม่ แต่มีการขนย้ายในช่วงกลางคืนเกือบทุกคืน ทั้งนี้ ตนยื่นข้อมูลทั้งหมดให้ดีเอสไอโดยประสงค์ขอเป็นโจทก์ร่วมด้วย เพื่อให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานเอกชน การฝังกลบ และการขนย้าย เพราะมั่นใจว่ามีหลายหน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้อง อีกทั้งเชื่อว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้มีการประกาศลาออกนั้น ตนมองว่าเป็นความประสงค์ของท่านและตนก็ยืนยันว่าสงสารข้าราชการที่ทำงานโดยที่ไม่รู้เรื่อง แต่ว่าระดับพื้นที่หรือระดับปฏิบัติการได้มีการกระทำไปแล้วจึงทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งไม่ใช่แค่อธิบดีฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรับผิดชอบในเรื่องกากแคดเมียม แต่อาจกระจายไปยังผู้รับผิดชอบรายอื่นๆ โดยเฉพาะในเขตนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดระยองที่มีการฝังกลบไว้ส่วนหนึ่งและเมื่อมีการซื้อขายของบริษัทเอกชนระหว่างกัน แล้วมีการซื้อขายกันเป็นทอด ๆ ต่อมาเมื่อเข้าสู่การถลุงกากให้เป็นแร่ ผลประโยชน์ก็มากมายมหาศาล อย่างไรก็ตาม การลาออกของอธิบดีฯ ไม่มีนัยยะใด ท่านได้เรียนแจ้งชัดเจนว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบ เพราะท่านก็ใกล้เกษียณราชการแล้ว
นายสนธิญา กล่าวด้วยว่า บริษัทที่เกี่ยวโยงนั้น ตนพบว่าผู้บริหารส่วนหนึ่งมีนามสกุลที่ไปคล้ายกับนักการเมือง ซึ่งตนจะไม่ระบุว่าเป็นนักการเมืองฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน แต่หากไปตรวจสอบก็จะทราบทันที ตนจึงมองว่าการฝังกลบและการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ภาพเล็ก แต่เป็นภาพมุมกว้างที่มีการกระทบและมีผลประโยชน์มหาศาล และตนจะไม่มาฟันธงว่านักการเมืองรายนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือไม่ จึงต้องขอให้ทางดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้
“การจะนำกากแคดเมียมออกจากพื้นที่ มันชัดเจนว่าห้ามขนย้าย แต่สุดท้ายมีการซื้อขายกันตันละ 1,200 บาท มีการขนย้ายบนความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ผ่านไปยัง 3 จังหวัด กทม. ชลบุรี สมุทรสาคร มันเป็นการกระบวนการตั้งแต่เอกชน จนถึงหน่วยงานของรัฐ ถ้าหากว่าไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่เกี่ยวข้อง ตนเชื่อมั่นว่าจะไม่สามารถกระทำการได้แบบนี้” นายสนธิญา ระบุ
นายสนธิญา กล่าวว่า หากตนสามารถรวบรวมพยานเอกสารได้ครบถ้วน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปยังสำนักงาน ปปง. เพื่อยื่นร้องขอให้มีการตรวจสอบเรื่องของการฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ข้อที่ 15 มาตรา 3 เพื่อให้ทาง ปปง. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี