จากกรณีเผยแพร่ข่าวเรื่องการร้องเรียนเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายนั้น ตามที่ผู้เขียนได้เคยลงบทความเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวไว้หลายตอนแล้ว โดยตอนนี้จะขอมาทบทวนและวิเคราะห์เกี่ยวกับข้อร้องเรียนกรณีแอม ไซยาไนด์
จากกรณีดังกล่าวสามารถถอดประเด็นข้อกฎหมายได้ 7 ประเด็นคือ
1.ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้วหรือไม่กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ไปตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติแปดต่อหนึ่ง ให้พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ขัดรัฐธรรมนูญ โดยการอ้างเหตุความไม่พร้อมด้านงบประมาณและบุคลากร ไม่เข้าเงื่อนไขในการออก พ.ร.ก.(เลื่อนบังคับใช้) โดยช่วงเวลาเกิดเหตุในกรณีแอมไซยาไนด์ เป็นช่วงเวลาเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่กฎหมายดังกล่าวได้ใช้บังคับเต็มรูปแบบแล้ว มีประเด็นน่าสนใจว่าเมื่อคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญออกมาภายหลัง จะแสดงให้เห็นถึงการไม่มีเจตนาไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่หรือไม่
2.การกระทำขณะจับกุมเจตนารมณ์ของกฎหมายมุ่งเน้นให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ถูกจับกุมไปส่งพนักงานสอบสวนให้เร็วที่สุด หากชุดจับกุมดังกล่าว พาผู้ถูกจับกุมไปยังสถานที่อื่นซึ่งไม่ใช่ที่ทำงานของพนักงานสอบสวนเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง กระทำให้อับอาย จะถือเป็นการละเมิดบทบัญญัติในมาตรา 6 ของกฎหมายดังกล่าวหรือไม่
3.การควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งในชั้นจับกุมและชั้นพนักงานสอบสวนจะต้องมีการบันทึกวีดีโอไว้ทั้งหมด ตามมาตรา 23 หากชุดจับกุมและพนักงานส่วนชุดดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการ บันทึกไว้ตามที่กฎหมายกำหนด จะถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายดังกล่าวหรือมีเจตนาหรือไม่
4.ในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะขั้นตอนจับกุมในโอกาสแรกจะต้องแจ้งต่อพนักงานอัยการและนายอำเภอ สำหรับในกรุงเทพฯให้แจ้งผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนนิติการ กรมการปกครอง ตามมาตรา 22
5.หากมีการพูดจาข่มขู่ผู้ต้องหา ทั้งกระทำต่อผู้ต้องหาเอง หรือบุคคลอื่นจะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดตามกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ และการปฏิบัติหน้าที่ขณะที่ผู้ต้องหาอยู่ในเรือนจำ จะสามารถตีความว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายดังกล่าวหรือไม่
6.หลายท่านคงจะเคยเห็นหรือเคยได้ยินเกี่ยวกับการลงชื่อจับกุมหรือลงชื่อปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทั้งที่ไม่ได้ร่วมปฏิบัติงานจริง ดังนั้นหากการกระทำของชุดจับกุมเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายดังกล่าว ผู้ที่ลงชื่อปฏิบัติงานในบันทึกจับกุม จะถือว่า เป็นผู้กระทำความผิดด้วยหรือไม่และถือว่ามีเจตนาในการกระทำความผิดหรือไม่
7.หากการกระทำของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ เป็นการกระทำที่ กำหนดกฎหมายดังกล่าว ผู้บังคับบัญชาจะต้องรับผิดตามมาตรา 42 ด้วยกึ่งหนึ่งด้วยหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี