รวบอดีตตำรวจ ร่วมแก๊งบุกโรงแรม จับ 5 ชาวจีนอุ้มรีด 2.5 ล้าน
ความคืบหน้ากรณีชายฉกรรจ์ 3 ราย บุกเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยประชาสงเคราะห์ 2 หรือซอยสุทธิพร แขวงและเขตดินแดง กทม. เพื่ออุ้มชาวจีน 5 รายออกจากห้องพัก โดยสมอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะรีดไถเงินคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.5 ล้านบาท ก่อนปล่อยตัวผู้เสียหายนั้น
ล่าสุดวันนี้ (3 พ.ค.67) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พร้อมด้วยชุดสืบสวน ประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการสืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย ในข้อหา “กระทำความผิดฐาน ร่วมกันกรรโซกทรัพย์ , ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็น เจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายอรรถวุฒิ หรือนายบอส บุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นอดีตตำรวจที่ถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว ซึ่งนายบอสแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาควบคุมตัวผู้เสียหายกับพวก อ้างว่าชาวจีนทั้ง 5 รายกระทำผิดกฎหมาย จะต้องพาไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ โดยในระหว่างนั้น มีการพูดจาข่มขู่ และได้โชว์บัตรที่อ้างว่าเป็นบัตรตำรวจ แต่ยังไม่ทันที่ผู้เสียหายจะดูว่าเป็นบัตรตำรวจจริงหรือไม่ อีกฝ่ายก็เก็บบัตรไป จากนั้นพยายามจะพาตัวไปที่สถานีตำรวจ
จากนั้นได้ควบคุมตัวกลุ่มผู้เสียหายกับพวกมาขึ้นรถยนต์ 2 คันที่จอดรออยู่บริเวณหน้าโรงแรมและได้ขับพาผู้เสียหายไปที่บริเวณใดไม่ทราบแน่ชัด ระหว่างทางกลุ่มผู้ก่อเหตุได้เกลี้ยกล่อมผู้เสียหายให้ยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี
ในระหว่างผู้เสียหายพยายามขอดูบัตรตำรวจอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายบังคับให้นั่งลงดีๆ แล้วชูมือเหนือหัว ก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องคุยแล้ว เดี๋ยวไปคุยกับ บอส” พร้อมบอกด้วยว่า “ไม่เชื่อใช่ไหม ว่าเป็นตำรวจ เดี๋ยวจะโชว์ให้ดู” หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขับรถพาผู้เสียหายมาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะพาลงจากรถ และพาไปเจอชายที่อ้างตัวว่าเป็นบอส อายุราว ๆ 50 ปี ขึ้นไป ได้แนะนำตัวว่าตนเองนั้นเป็นตำรวจ
จากนั้นคนที่เป็น “บอส” อ้างว่า กลุ่มคนจีนนี้ มีเครื่องรูดบัตรอยู่ในห้อง ก็ถือว่าผิดกฎหมายแล้ว จ่ายมา 4 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายเห็นว่าแพงมาก ไม่มีเงินจ่าย อีกฝ่ายจึงเสนอจำนวนเงินเหลือ 3 ล้านบาท และเรื่องจะได้จบ ผู้เสียหายเกรงว่าจะถูกจับกุม จึงติดต่อหาเพื่อนชาวจีนที่อยู่ในประเทศกัมพูชา โอนเงินมาเข้าบัญชีกระเป๋าเงินดิจิทัลตามที่กลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าวต้องการ เป็นเงินจำนวน 65,000 USDT (สกุลเงินดิจิทัลที่ผูกกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ” หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.5 ล้านบาท เมื่อจ่ายเงินกันเรียบร้อยแล้ว กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ปล่อยตัวผู้เสียหายให้ออกจากบริเวณดังกล่าว ก่อนที่ตำรวจจะติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ 1 รายดังกล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี