ติดเชื้อโควิดพุ่ง

ป่วยใหม่1,792

‘หมอธีระ’ห่วง

ปอดอักเสบเพิ่ม

กรมควบคุมโรครายงานสถานการณ์โควิดระบาดรายสัปดาห์พบผู้ติดเชื้อใหม่ 1,792 ราย เสียชีวิต12 ศพ เฉลี่ยวันละ 2 คน ปอดอักเสบ 501 คน ใส่ท่อหายใจ187 คน “หมอธีระ” ห่วงผู้ป่วยโควิดปอดอักเสบเพิ่มขึ้นทำลายสถิติรอบ16เดือน

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 28 เมษายน-4 พฤษภาคม มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 1,792 ราย เฉลี่ยวันละ 256 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่รายสัปดาห์ 12 ราย เฉลี่ยวันละ 2 ราย มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 501 ราย และผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ 187 ราย

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์การระบาดโควิดในประเทศไทยว่า จำนวนปอดอักเสบในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 16 เดือน ครั้งสุดท้ายที่ปอดอักเสบเกิน 500 คนนั้น คือวันที่ 7 มกราคม 2023 มี 529 คน สัปดาห์ล่าสุด 28 เมษายน-4 พฤษภาคม 2024 จำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,792 ราย เสียชีวิต 12 ราย ปอดอักเสบ 501 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 187 ราย ผู้ป่วยนอนรักษาตัวในรพ.มากกว่าสัปดาห์ก่อน 7.2% และขึ้นต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ติดต่อกัน เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 33.3% จำนวนปอดอักเสบ เพิ่มขึ้น 26.4% และใส่ท่อช่วยหายใจก็เพิ่มขึ้น 28.5%

“คาดประมาณจำนวนคนติดเชื้อใหม่ต่อวันอย่างน้อย 12,800-17,778 ราย อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าจำนวนติดเชื้อจริงจะมากกว่านี้ จำนวนป่วยนอนรพ. สูงสุดในรอบ 11 เดือน จำนวนปอดอักเสบ สูงสุดในรอบ 16 เดือน จำนวนใส่ท่อช่วยหายใจ สูงสุดในรอบ 11 เดือน จำนวนเสียชีวิต สูงสุดในรอบเกือบ 10 เดือน”รศ.นพ.ธีระกล่าว และว่า ลักษณะข้างต้น เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โควิด-19 ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่กระจอก ไม่ได้เป็นไปตามฤดูกาล แต่แปรผันกับปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องเทศกาล กิจกรรม รวมถึงพฤติกรรมป้องกันตัวของประชาชน

รศ.นพ.ธีระกล่าวอีกว่า ติดแต่ละครั้ง นอกจากเสี่ยงป่วย ป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตแล้ว ยังเสี่ยงต่อ Long COVID ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตระยะยาวช่วยกันป้องกันตัว เพื่อให้ตัวเรา และคนที่เรารักปลอดภัย อย่าปล่อยแบบ let it rip เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์สุขภาพที่เกิดขึ้น ไม่มีใครแบกรับ นอกจากตัวเราและครอบครัว ใส่หน้ากากป้องกันตัว ระวังที่แออัด เลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดผู้อื่นนอกบ้านโดยไม่ได้ป้องกันตัว ไม่แชร์ของกินของใช้กับผู้อื่น และที่สำคัญคือ คอยสังเกตและรักษาระยะห่างจากคนที่มีอาการป่วย