"ผกก.นครพนม" รับมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความถูกหญิงอ้างเป็นหลานอดีตประธานองคมนตรีตุ๋นสูญเงินกว่า 10 ล้านจริง อยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ยังไม่ยืนยันเหตุเกิดที่ใด

วันที่ 9 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีมีข่าวว่านายวิทยา อ้างเป็นตัวแทนผู้เสียหายโดยพื้นฐานตนเองเป็นชาวนครพนมได้รู้จักกับผู้หญิงรายหนึ่งชื่อ น.ส.แก้ว (นามสมมติ) อ้างเป็นหลานสาว พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พูดจาหว่านล้อมจนหลงเชื่อ กระทั่ง น.ส.แก้วนำพระสมเด็จวัดระฆัง อ้างเป็นมรดกตกทอดจากวงศ์ตระกูล พร้อมนาฬิกาแบรนด์เนมและของมีค่าอีกหลายรายการ เพื่อมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินประมาณ 10 ล้านบาท ต่อมาได้นำพระสมเด็จให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบรวมถึงนาฬิกาดังทราบว่าเป็นของปลอมทั้งหมดจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เมื่อปลายเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา

โดยผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ยอมรับว่ามีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.แก้วจริง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้อยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้ ยังไม่ยืนยันว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.นครพนม ส่วนผู้ถูกกล่าวหาเป็นคน จ.ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังได้ให้ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ในส่วนกลางและไม่มีการเปิดเผยข้อมูลกับสื่อในพื้นที่

เบื้องต้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม เปิดเผยว่า จากกรณีมีตัวแทนผู้เสียหายเป็นชายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ยอมรับมีผู้แจ้งความจริง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ว่าเป็นคนนครพนมหรือไม่ แต่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฏร์จังหวัดนครพนม มีข้อมูลที่แจ้งความว่าถูกหญิงสาวอ้างเป็นหลานสาว พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มาตีสนิทและหลอกลวงให้หลงเชื่อ เอาพระสมเด็จวัดระฆัง นาฬิกาแบรนด์เนมมาแลกเป็นเงินประมาณ 10 ล้านบาท

สุดท้ายเป็นของเก๊ โดยอยู่ระหว่างพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อความชัดเจน ยังไม่ยืนยันความเสียหาย เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลกับงานทะเบียนราษฎร์ ฝ่ายปกครอง อ.เมืองนครพนม ไม่พบว่าหญิงสาวที่ถูกกล่าวหา มีความเชื่อมโยงเป็นญาติกับอดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษตามคำกล่าวอ้าง คาดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป - 003