‘บิ๊กต่าย’ยังไม่ทราบปมยื่น‘กฤษฎีกา’ตีความคำสั่งให้‘บิ๊กโจ๊ก’ออกจากราชการ ก่อนนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ยืนยันดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ยอมรับเป็นครั้งแรกที่กฤษฎีกาต้องตีความคำสั่งให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ออกจากราชการไว้ก่อน
13 พฤษภาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีมีรายงานว่าสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบข้อกฎหมายเกี่ยวกับคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก่อนให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯตามขั้นตอนต่อไป
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า กระบวนการยื่น ให้กฤษฎีกาตีความคำสั่งนั้น คิดว่าจะต้องมีการประชุมหรือซักถามกันอย่างละเอียดรอบคอบก่อน และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตามมาตรา 140 พระราชบัญญัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 ซึ่งเป็นขั้นตอนเกี่ยวกับนำความกราบบังคมทูลฯ เป็นขั้นตอนตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม จะให้กฤษฎีกาตีความหรือไม่อย่างไรนั้น ตอนนี้ตนเองยังไม่ทราบ
เมื่อถามถึงขั้นตอนการยื่นกฤษฎีกา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติมาตรา 140 โดยส่งไปให้สำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณา กระบวนการหลังจากนั้นคิดว่าเป็นเรื่องของสำนักนายกรัฐมนตรีที่จะดำเนินการ ตร.จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว
ส่วนการส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความนั้น จะถือว่ามีปัญหาด้านข้อกฎหมายหรือไม่นั้น ตนเองยังไม่ทราบจริงๆ แต่หากมีการตีความหรือการหารือทางกฎหมายก็ต้องมีการแจ้งให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ แต่ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เคยยื่นเรื่องให้กฤษฎีกาตีความคำสั่งให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ออกจากราชการมาก่อนหรือไม่นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยอมรับว่า เป็นครั้งแรก เท่าที่ทราบที่ผ่านมายังไม่เคยเห็น และยืนยันว่าหากมีการหารือกับทางกฤษฎีกาก็จะต้องมีการแจ้งผลไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย ทั้งนี้ โดยหลักการแล้วหากมีปัญหาในประเด็นข้อกฎหมายก็สามารถหารือกับกฤษฎีกาได้
ส่วนกรณีกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งสำนวนคดีที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ ตามที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ได้ส่งพยานหลักฐานให้ตรวจสอบก่อนหน้านี้ ไปยัง ป.ป.ช.แล้วนั้น ตนได้ยินมาเช่นกัน แต่ยังไม่ทราบเนื้อหาหรือยังไม่เห็นเอกสารหลักฐาน โดยเรื่องดังกล่าวเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดี ที่จะส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช.ได้หากพบว่า เข้าเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฯ โดยไม่ต้องผ่านดุลพินิจของตนเองในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่พนักงานสอบสวนจะต้องรายงานมาที่ตนเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้รับทราบอยู่แล้ว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า เรื่องคดีความของ 2 บิ๊กตำรวจจะจบลงเมื่อใดนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อยากให้ไปสอบถามกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่แต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีดู ส่วนตัวก็เข้าใจว่าอยากทราบความคืบหน้า แต่คิดว่าตัวเองก็อยากทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับจริงๆ ส่วนกระบวนการตรวจสอบฝ่ายใดจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน และเป็นไปตามกระบวนการของคณะกรรมการที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พิจารณา ตนเองไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวในความขัดแย้งกับใคร
“ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังก้าวไปสู่มิติของการเปลี่ยนแปลงที่จะต้องนำความศรัทธาและเชื่อมั่นกลับมา เช่นเดียวกับกระบวนการสอบเรื่องวินัยร้ายแรงของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ขณะนี้ยังไม่ได้ทราบความคืบหน้า ยังรอรับรายงานอย่างเป็นทางการอยู่” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี