พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดโครงการอบรมเสริมสร้างความรู้ ทักษะการวางแผนและองค์ความรู้ทางการเงินและการออม ซึ่งจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค. 2567 โดยมีนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดศธ.ในฐานะเลขานุการคณะทำงานแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา นางเกศทิพย์ ศุภวานิชรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) พร้อมครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีปัญหาหนี้สินและต้องเร่งดำเนินการแก้ไขเข้าร่วม ณ ห้องประชุมจันทรเกษมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. กล่าวว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแก้ปัญหาหนี้สินครู โดยกลุ่มที่เข้าร่วมอบรมครั้งนี้ ถือว่า เป็นผู้ที่รู้ตัวว่าตัวเองมีอาการป่วยทางการเงินเพราะหากไม่รู้ตัว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้หนี้สินหมดไป ซึ่งทั้ง 84 ราย ที่เข้าร่วมอบรมครั้งนี้ เป็นเหมือนตัวแทนที่จะเข้ามาเรียนรู้ แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ กับผู้เชี่ยวชาญทางการเงินซึ่งถือเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ที่เคยล้มละลาย แต่สามารถแก้ปัญหาให้ตัวเองได้ จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจที่จะนำประสบการณ์มาถ่ายทอดช่วยเหลือผู้อื่น
“อยากให้กลุ่มตัวแทนที่เข้าร่วมอบรมครั้งนี้ ตั้งใจฟังและคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเองว่า จะนำแนวทางที่ได้ศึกษาเรียนรู้ในครั้งนี้ไปปรับใช้กับการแก้ปัญหาของตัวเองอย่างไร เพื่อให้กลับมาเป็นคนที่มีสภาพคล่อง สามารถดำรงชีวิตได้ด้วยตัวเอง โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีวินัยทางการเงิน และตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ทั้ง 84 ราย ถือว่ามีเจตนารมณ์ ในการแก้ไขปัญหา โดยสิ่งหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขได้ คือ การต้องรู้ข้อเท็จจริงของปัญหา เปิดใจกับผู้เชี่ยวชาญ หรือวิทยากร หากสามารถแก้ปัญหาได้ ก็จะกลายเป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาอีกหลายแสนคนต่อไป” รมว.ศธ. กล่าว
ด้าน นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า การอบรมครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่เป็นหนี้และกลุ่มที่เป็นโค้ช กลุ่มละ 84 ราย รวม 168 ราย เริ่มจากเขตพื้นที่การศึกษา กทม. และเขตพื้นที่การศึกษา จ.ปทุมธานี จากนั้นจะให้คนกลุ่มนี้เป็นโค้ช เขตพื้นที่ละ2 คน รวมเป็น 490 คน ขยายผลเป็นเหมือนทีมกลางไปช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อเจรจาลดดอกเบี้ยและปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง และอีกส่วนหนึ่งก็จะมีการเพิ่มรายได้ ตามบริบทของพื้นที่ ทั้งการทำให้มีวิทยฐานะ โดยหลักคิดของ รมว.ศธ. คือ จะต้องทำให้ครูมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้ครูมีเวลาโฟกัสกับงานสอนอย่างเต็มที่ ทำให้เด็กมีความสุขกับการเรียน ตามนโยบายเรียนดี มีความสุข
นางเกศทิพย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีปัญหาหนี้สินจำนวนมาก มีปัญหาสภาพคล่อง เงินเดือนเหลือไม่ถึงร้อยละ 30 โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ กว่า 100 แห่ง ในสหกรณ์ออมทรัพย์กว่า 100 แห่ง มี 13 แห่งที่มีประธานเป็นผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ อีก 10 แห่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ตรงนี้ จะทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินครูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นประธาน คือ ข้าราชการเกษียณและจากการหารือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ยอมที่จะช่วยลดดอกเบี้ยให้ แต่จะเป็นการลดดอกเบี้ยแบบมีแผน เพื่อให้สหกรณ์อยู่ได้และลูกหนี้เองก็อยู่ได้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยน้อยสุดขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 3.5 มากที่สุดอยู่ที่ ร้อยละ9.1 โดยสหกรณ์ทั้งหมดอยู่ระหว่างจัดทำแผนลดอัตราดอกเบี้ยให้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา ส่วนของนักเรียน ก็ร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย จัดทำหลักสูตรเรื่องการจัดการการเงิน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย ที่สนใจอีกด้วย”นางเกศทิพย์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี