ยังเฮไม่ออก!!! บอร์คค่าจ้างยังไม่ฟันธงว่าจะขึ้น 400 บาทเท่ากันทั้งประเทศ 1 ต.ค.นี้ มติให้โยนคณะอนุฯระดับจังหวัดเสนออัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ให้อิสระจังหวัดเสนอมาได้เลยว่าต้องการตัวเลขเท่าไหร่ ก่อนเข้าที่ประชุมใหญ่พิจารณา ด้านนายจ้างกังวลที่ประชุมไตรภาคีจะเป็นเครื่องมือของรัฐ หลังสงสัยหวังรวบรัดให้ทันตุลาฯนี้
เมื่อวันที่ 14 พ.ค.67 ได้มีการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ครั้งที่ 5/2567 ร่วมกับตัวแทน 3 ฝ่าย คือ นายจ้าง ลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล โดยมีประเด็นที่พิจารณาคือ แนวทางการคัดเลือกกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ในการศึกษาวิจัย เรื่องการกำหนดอัตราค่าจ้าง ราย อุตสาหกรรม กรอบแนวทางการทบทวน อัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง เปิดเผยว่า ประเด็นการปรับขึ้นค่าแรงที่กำลังเป็นที่จับตาว่าจะขึ้น 400 บาท เท่ากันทั้งประเทศ 1 ตุลาคมนี้นั้น ยืนยันว่าที่ประชุมวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปไปถึงตรงนั้น การดำเนินการต้องเป็นไปตามหลักของไตรภาคี ซึ่งความเป็นไปได้ยังมีได้ทุกทางคือ ขึ้น 400 บาททั่วประเทศ ตามประเภท หรือธุรกิจ แต่ละจังหวัดที่พร้อม
โดยการประชุมวันนี้มีมติเห็นชอบ ให้คณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดจัดประชุมเพื่อเสนอแนะอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัด ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 และเสนอผลการประชุมฯ ให้คณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรอง และคณะกรรมการค่าจ้างใช้ประกอบการพิจารณา ส่วนแนวทางการพิจารณาให้ใช้สูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามมติที่ประชุมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่นำมิติของเวลามาใช้ในสูตรฯ ประกอบกับการพิจารณา ตัวแปรเชิงคุณภาพตามมาตรา 87 โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการครองชีพของลูกจ้าง ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง และเศรษฐกิจและสังคม ในบริบทของแต่ละจังหวัด ซึ่งตัวเลขตามแต่ละจังหวัดจะเสนอมาเลย อาจจะมากกว่า 400 บาท ในบางอาชีพก็ได้ ในอิสระสูตรที่จะคิด ไม่จำเป็นต้องเท่ากันแต่ละจังหวัด ทั้งนี้ คณะกรรมการค่าจ้างจะได้นำข้อเสนออัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดกับข้อมูลเศรษฐกิจ สังคม และแรงงานในภาพรวมทั้งระดับประเทศมาพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำต่อไป
ปลัดกระทรวงแรงงาน ยังเปิดเผยว่า ความยากของการประชุมวันนี้ คือต้องหาจุดร่วมที่รับได้ทั้งสองฝ่าย นายจ้างที่ต้องการให้มีอัตราเพดานและลูกจ้าง ที่หนุนให้ขึ้นเต็มที่ ย้ำว่าการขึ้นค่าจ้างต้องดูบริบทแต่ละจังหวัดมีสภาพเศรษฐกิจไม่เหมือนกัน เข้าใจว่าบางกิจการยังไม่พร้อม โดยเฉพาะเอสเอมอี ภาคเกษตร
ส่วนกรณีที่นายอรรถยุทธ ลียะวนิช ตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ออกมาระบุว่าที่ประชุมวันนี้ ดูเร่งรีบรวบรัด เป็นเพราะอยากให้ได้ข้อสรุปภายในตุลาคมนี้ หรือไม่ ปลัดกระทรวงแรงงาน ยืนยันว่าการพิจารณาศึกษาระดับจังหวัด 2 เดือนเพียงพอแล้ว ในการเก็บข้อมูล ย้ำว่าการพิจารณาไม่ได้สนองกับการเมือง ยึดตามเหตุผล ความจำเป็น โดยการประชุมคณะกรรมค่าจ้างจะมีอีกครั้งในวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ซึ่งการประชุมครั้งหน้าก็จะยังไม่ครบกำหนดเวลาที่ให้แต่ละจังหวัดไปศึกษากรอบตัวเลข คาดว่าจะสามารถเคาะออกมาได้ ในการประชุมช่วงเดือนสิงหาคม
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) ร่วมกับสภาองค์การนายจ้างอีก 15 สภาฯ ยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการค่าจ้าง เพื่อคัดค้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทพร้อมกันทั่วประเทศ
โดย ดร.เนาวรัตน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าฯ กล่าวว่า หากขึ้นค่าแรง400 เท่ากันทั้งประเทศ 1 ตุลาคม นี้ทันที จะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะภาคธุรกิจส่วนใหญ่ไม่มีเวลาเตรียมตัว ต้องมองความสามารถของผู้ประกอบการด้วย และจะเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการลงทุนในประเทศ ข้อเสนอว่า ควรใช้หลักการตามกฏหมายยึดหลักปฏิบัติจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดในแต่ละจังหวัดและคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) เป็นผู้พิจารณาให้สอดคล้องกับปัจจัยทางเศรษฐกิจแต่ละพื้นที่ การปรับค่าจ้าง ควรพิจารณาจากทักษะฝีมือแรงงานสนับสนุนมาตรการทางภาษีลดอุปสรรคต่อการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการและแรงงานให้ความสำคัญกับการ up-skill & re -skill //การพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉพาะพื้นที่จังหวัดและประเภทธุรกิจควรเปิดให้มีการรับฟังความเห็นและศึกษาความพร้อมของแต่ละพื้นที่และประเภทธุรกิจก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี