กมธ.อุตฯเปิด4มูลฐาน
เอาผิดหน่วยเกี่ยวข้อง
ขนย้ายกากแคดเมียม
ป.ป.ช.รับสอบฟันซ้ำ
กมธ.อุตสาหกรรมสภาฯเผยปฏิบัติการขนย้ายกากแคดเมียมกลับ จ.ตาก เสร็จภายใน 16 มิถุนายน -นำเคลียร์ฝังกลบ 30 กันยายน ขอชาวบ้านอุ่นใจปลอดภั ยเปิด‘4มูลฐาน’เอาผิดหน่วยเกี่ยวข้อง-ป.ป.ช.รับเรื่องสอบฟันทาง ก.ม.-กรณีเพลิงไหม้โกดัง อ.ภาชี รับดำเนินการใน 120วัน จี้เฝ้าระวัง อ.อุทัยหวั่นซ้ำรอย เหตุมี‘คอนเนคชั่นทางธุรกิจ’เชื่อมโยงกัน ชาวบ้านกว่า 200 คนลุกฮือเปิดเวทีประท้วง ยื่น 4 ข้อเรียกร้องให้‘ผู้ว่าระยอง’เร่งจัดการปัญหาย้ายกากเคมี ชี้เพลิงไหม้วินโพรเสส 3สัปดาห์เต็ม ยังไม่มีแผนชัดเจน
เมื่อวันที่15 พฤษภาคม 2567 ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร โดยที่ประชุมได้เชิญปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมเมืองแร่ กรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับผู้ที่ละเมิดกฎหมายทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ประกอบการว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง เกี่ยวกับการขนย้ายกากแคดเมียม
เวลา 13.30 น.นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานกมธ.อุตสาหกรรมฯแถลงผลการประชุมว่าจากที่ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงความคืบหน้าการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมกลับไปที่บ่อบำบัดจ.ตากโดยขณะนี้มีการขนย้ายแล้วทั้งสิ้น 14 เปอร์เซ็นต์และใช้ตู้คอนเทนเนอร์ขนย้าย 100 เปอร์เซ็นต์จึงขอให้ประชาชนอุ่นใจในข้อห่วงใยเกี่ยวกับการขนย้าย ซึ่งจะมีการขนย้ายแล้วเสร็จจำนวน 1,806 ตัน ภายในวันที่ 16 มิถุนายน รวมถึงจะฝังกลบให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ ยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ส่วนการคืนพื้นที่ทั้ง จ.ชลบุรี จ.สมุทรสาคร และกรุงเทพฯ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานว่าขณะนี้สามารถคืนพื้นที่กรุงเทพฯได้แล้วโดยกรมควบคุมมลพิษลงไปตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่าได้ตรวจสอบสารตามมาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษและกรมควบคุมโรคว่าปราศจากโลหะแคดเมียมที่เป็นโลหะอันตราย ถือว่าปลอดภัยแล้ว จึงทำให้มีการส่งพื้นที่ได้ครบ
ประธาน กมธ.อุตสาหกรรมกล่าวอีกว่าขณะที่การดำเนินคดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน4มูลฐานความผิด 1.การนำปฏิกูล หรือวัตถุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตามพ.ร.บ.โรงงานปี2535 2.แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้แลอื่นหรือประชาชนเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137 3.มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ครอบครองตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย ปี2535 จำนวน130กรรม และ 4.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2560 สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข และพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมปี2535ทางรองอธิบดีกรมควบคุมโรคและรองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษชี้แจงว่ากฎหมายดังกล่าวทั้งสอง ไม่สามารถดำเนินการกับผู้ประกอบการได้
นายอัครเดชกล่าวว่าส่วนการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้มีมติรับเรื่องดังกล่าว มาสอบสวนหาผู้กระทำความผิดในกรณีในกรณีความผิดโดยมิชอบ และเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนตามมาตรา 48 และ 49 ในเรื่องนี้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง)และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)ได้รวบรวมหลักฐาน สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ก่อนส่งสำนวนเข้าสู่การพิจารณาของ ป.ป.ช.
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณากรณีเกิดเพลิงไหม้โกดังที่มีวัตถุอันตรายในพื้นที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยาโดยผู้เกี่ยวข้อง ชี้แจงว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ใช้งบประมาณจำนวน6.9ล้านบาท ในการย้ายกากอุตสาหกรรมไปดำเนินการซึ่งเป็นไปตามหลักอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม รวมถึงได้ออกหมายจับผู้เช่าโกดังแล้ว อีกทั้งยังได้ให้เฝ้าระวังโกดังที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโกดังเก็บกักกากของเสียที่มีลักษณะเหมือนที่ อ.ภาชี แต่มีปริมาณมากกว่าที่ อ.ภาชี กมธ.กังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำรอยไฟไหม้ที่ อ.มาบตาพุด จ.ระยองและอ.ภาชี
“ตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงระบุว่าทั้ง3โรงงาน มีความเชื่อมโยงกันของผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถบรรทุก ผู้ถือหุ้น หรือผู้เกี่ยวข้องที่ทำธุรกิจร่วม จึงขอให้หน่วยงานของรัฐไปเฝ้าระวัง เมื่อครบ120วันแล้ว ทางกมธ.ฯจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาติดตามความคืบหน้าอีกครั้งต่อไป” ประธานกมธ.อุตสาหกรรม ระบุ
วันเดียวกัน กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบเหตุเพลิงไหม้โกดังโรงงานบริษัทวินโพรเสส และกลุ่มรักษ์หนองพะวา รวมตัวจำนวน 200 คน ที่ วัดหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เพื่อเดินทางไปพบนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง โดยได้นำรถ 6 ล้อ ติดตั้งเป็นเวที มีป้ายผ้าข้อความ”วอนท่านผู้ว่าช่วยชาวหนองพะวาด้วย” พร้อมมีรถติดลำโพงขยายเสียง ตัวแทนผู้เดือดร้อนผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัย ส่วนด้านล่างมีประชาชน ถือป้ายข้อความอาทิ”วินโพรเสสสารเคมีตายอย่างเดียว” “ช่วยด้วยเหม็นมาก” “นายกเศรษฐามาแล้วได้อะไร” “หยุดยัดเยียดสารก่อมะเร็งใส่ปอดเรา”และ”เจ้าของโรงงานเส้นใหญ่” เป็นต้น
สำหรับข้อเรียกร้องของชาวบ้านที่ยื่นหนังสือให้ ผวจ.ระยอง ขอให้ดำเนินการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ โกดังของบริษัท วินโพรเสส จำกัดซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 4 บ้านหนองพะวา ต.บางบุตร อยู่ห่างวัดหนองพะวา ครึ่งกิโลเมตร โดยเป็นโรงงานที่ลักลอบกักเก็บสารเคมีอันตราย ผิดกฎหมายจำนวนมากและหนำซ้ำเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ใหญ่เมื่อ22เม.ย.ที่ผ่านมา
เนื่องจากจนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถยับยั้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ ควันยังคุ ปะทุ เป็นรายวัน ทำให้ชาวบ้านในตำบลบางบุตรและใกล้เคียงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากกลิ่นฉุนรุนแรงของสารเคมีอันตราย มีผลกระทบทางด้านความเป็นอยู่ และสุขภาพ เกิดโรคระบบทางเดินหายใจมีอาการแสบตา แสบจมูก เกิดอาการอักเสบ ตามผิวหนัง และยังไม่ทราบอาการที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
ชาวบ้านจึงต้องการให้ผวจ.ระยอง กำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 1.ขอให้จัดตั้งคณะกรรมการทำงานเพื่อกำหนด แผนงานจัดการสารเคมีในวินโพรเสสภายใน 7 วันโดยขอให้เริ่มขนย้ายสารเคมีอันตรายถังแรกออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน ในส่วนของการขนย้ายสารเคมีอันตรายทั้งหมด ต้องจัดการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน 2.ขอให้มีการตรวจสุขภาพเพื่อหาสารพิษปนเปื้อนในร่างกาย ผ่านการวินิจฉัยของแพทย์อย่างละเอียด ขอให้รายงานจำนวนผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและผื่นขึ้นตามผิวหนังในขณะนี้ว่า มีจำนวนกี่ราย ทางหน่วยงานสาธารณสุข มีแผนงานจะทำการรักษาและติดตามผลอย่างไรต่อไป 3.ขอให้จัดหาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ที่ป้องกันสารพิษ ให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบทันที รวมถึงพระภิกษุสงฆ์และนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองพะวา 4.ขอให้มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศตลอด 24 ชั่วโมง โดย ต้องแจ้งข้อมูลให้ประชาชนในพื้นที่ รับทราบผ่านบอร์ดหรือแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้ง นำข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย ก๊าซพิษ อธิบายให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ได้รับทราบเพื่อจะได้วางแผนป้องกันตนเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี