เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นายอุกฤษฏ์ หงษ์ไธสง นายอำเภอห้วยราช จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายสมพงษ์ วิชัยรัมย์ นายก อบต.ห้วยราช น.ส.สำรวย เพชรเลิศ ผู้ใหญ่บ้านดวน หมู่ที่ 7 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำผ้าใบพระราชทาน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และถุงยังชีพ มอบให้กับ นายโน ชนพิมาย อายุ 68 ปี กับนางวิไล ชนพิมาย อายุ 65 ปี สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายผักในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ที่ 7 บ้านดวน ต.ห้วยราช อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน ในเบื้องต้นจากเหตุการณ์เพลิงไหม้บ้านพักอาศัย
โดยเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (22 พ.ค.67) ได้เกิดเหตุเพิลงไหม้บ้านพักของ นายโน กับนางวิไล ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้วอดไปทั้งหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ใช้เวลนานร่วมชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่เพลิงก็ไหม้ตัวบ้านวอดไปทั้งหลัง และทำให้ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านทั้งหมด ถูกไฟไหม้วอดเสียหายทั้งหมดด้วย แต่โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรืออันตรายถึงชีวิต เนื่องจากนางวิไล ได้ไปนอนเฝ้าบ้านให้น้องชาย ซึ่งอยู่ใกล้กัน ส่วนนายโน ได้ไปนอนที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน
ทั้งนี้ หลังจากมอบผ้าใบพระราชทาน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และถุงยังชีพ นายอำเภอห้วยราช และคณะพร้อม 2 ตายายเจ้าของบ้านได้สำรวจดูสภาพความเสียหายของบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว ถ้วย จาน ชาม เสื้อผ้า ผ้าไหม เงินสด ที่เก็บไว้ในตัวบ้านถูกไฟไหม้วอดเสียหายทั้งหมด
แต่กลับพบว่า พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 , พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เจ้าของบ้านแขวนไว้ที่บริเวณฝาผนังบ้าน รวมถึงพระบรมฉายาลักษณ์คู่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในงานฉลองสิริราชสมบัติครอบ 60 ปี ที่ได้เก็บรักษาไว้ก็ไม่ไหม้แต่อย่างใด สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับ คณะของนายอำเภอห้วยราช กับนายโน และนางวิไล เจ้าของบ้านที่พบเห็น ซึ่งนางวิไล ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
นางวิไล และนายโน สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านที่ถูกไฟไหม้ บอกว่า ปกติแล้วทุกวันตนกับสามี หลังกลับจากขายผักที่ตลาด ก็จะกลับมาประกอบอาหารรับประทาน และพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้เป็นประจำ แต่วันเกิดเหตุน้องชายของตนซึ่งปลูกบ้านอยู่ใกล้กัน ไปรับจ้างตัดผมในตัวเมืองบุรีรัมย์ และไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน หลังจากหุงหาอาหารและกินข้าวเสร็จแล้ว ตนจึงได้มานอนเฝ้าบ้านให้กับน้องชาย ส่วนนายโน สามีได้ไปนอนที่กระท่อมทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน เพื่อคอยดูน้ำที่จะไหลเข้านาและเข้าสระน้ำเนื่องจากฝนตก
นางวิไล และนายโน บอกต่อว่า ในระหว่างนอนอยู่ที่บ้านน้องชาย ตนได้ยินเสียงดังคล้ายประทัดหลายครั้งและมีกลิ่นไหม้ ทั้งๆที่ฝนตกโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง จึงออกมาดูก็พบว่าไฟกำลังลุกไหม้ที่บริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน จึงรีบตะโกนเรียกให้ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมาช่วยกันดับไฟ รวมถึงแจ้งให้รถดับเพลิง อบต.ห้วยราช มาทำการดับเพลิง ซึ่งไฟได้โหมลุกไหม้อย่างหนักประมาณ 30 นาที รถดับเพลิงเข้ามาถึงและไฟก็ได้ไหม้บริเวณชั้น 2 หมดและกำลังไหม้ลุกลามที่บริเวณชั้นล่าง เจ้าหน้าที่จึงทำการฉีดน้ำสกัดเพลิงเพื่อไม่ไหม้ลุกลาม และใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่ข้าวของก็ถูกไฟไหม้เสียหายหมด มีทั้งผ้าไหม เงิน และข้าวของอื่นๆอีก โดยเจ้าหน้าที่ห้ามไม่ให้เข้าไปในตัวบ้าน เพราะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน มาตรวจสอบที่เกิดเหตุก่อน รวมถึงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย
นางวิไล และนายโน บอกด้วยว่า กระทั่งตอนเช้า นายอำเภอห้วยราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้ามามอบสิ่งของช่วยเหลือ และได้สำรวจดูความเสียหาย ก็พบว่าที่ชั้น 2 ของตัวบ้านไหม้เสียหายทั้ง ส่วนชั้นล่างที่เป็นปูน เพลิงได้ไหม้ส่วนที่เป็นไม้ และเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงตู้ที่เก็บถ้วยชามของเก่าสมัยคุณแม่ แต่กลับพบว่า พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รัชกาลที่ 10 และพระบรมรมวงศานุวงศ์ ที่แขวนไว้อยู่ข้างฝผนังากลับไม่ไหม้ ส่วนข้าวของเครื่องใช้อื่นกลับถูกเพลิงไหม้ทั้งหมด ซึ่งสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ตนเอง ครอบครัว และผู้ที่พบเห็น
"ถือเป็นความศักดิ์สิทธิ์ เพราะตนเองและครอบครัวจะเก็บรูปในหลวง ไว้กราบไหว้บูชา ทั้งที่บ้านและที่แผงขายผัก ก็เอาพวงมาลัยใส่ไหว้รูปในหลวงที่เป็นปฏิทินทุกวัน และเชื่อว่าที่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรืออันตรายถึงชีวิต คงด้วยบุญบารมีของในหลวง เพราะถ้าตนกับสามีนอนอยู่บ้านเหมือนทุกวัน ก็คงอาจจะได้รับอันตรายแก่ร่างกายบ้าง" นางวิไล กล่าว
ด้าน นายอุกฤษฏ์ หงษ์ไธสง นายอำเภอห้วยราช จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากเป็นบ้านไม้เก่าที่มีอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว ซึ่งทางอำเภอห้วยราช ได้ร่วมกับ อบต.ห้วยราช ทำการสำรวจความเสียหายรายงานให้จังหวัดทราบ เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการ และจะได้ให้หาแนวทางให้ความช่วยเหลือ จากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนผู้มีจิตศรัทธาต่อไป ซึ่งเบื้องต้นทางอำเภอฯ ได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ พร้อมได้มอบเต็นท์พระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์สำหรับสร้างที่พักชั่วคราว รวมถึงจัดตั้งจุดบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ อาหาร และทรัพย์สิน เพื่อบรรเทาทุกข์และจัดหางบประมาณสำหรับการสร้างบ้านให้แก่ผู้ประสบภัยต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธา ต้องการมอบความช่วยเหลือ สามารถร่วมบริจาคช่วยเหลือได้ที่บัญชีธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาห้วยราช ชื่อบัญชี นางวิไล ชนพิมาย บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 020077601076
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี