เมื่อปี 2558 สตรีชาวนาทั้ง 7 อำเภอ ได้แก่ เมืองอำนาจเจริญ, ลืออำนาจ, พนา, ปทุมราชวงศา, เสนางคนิคม และชานุมานต่างทอผ้าขาวม้า งานทำมือ ป้อนให้กับ กลุ่มผ้าขาวม้าบ้านนาแต้ภายใต้ ชื่อ นุชบา แปรรูป OTOP โดยมี นางสาวธนิดา พูนจิตรผู้ก่อตั้ง แบรนด์ “นุชบา” แปรรูป OTOP เพื่อให้สมาชิกมีงานทำ มีรายได้ สร้างความสามัคคีในชุมชน ลดแรงงานพลัดถิ่น และสถาบันครอบครัวอบอุ่นอีกด้วยจึงเป็นที่มาของ กลุ่มสตรีชาวนาอำนาจเจริญ โดยการนำเอาผ้าขาวม้ามาแปรรูป กลายเป็น ผลิตภัณฑ์สินค้า หลากหลายชนิดออกวางจำหน่าย ด้วยรูปลักษณ์แปลกสวยงาม เด่นสะดุดตา แถมทนทานอีกต่างหาก จึงเป็นที่ต้องการของผู้นิยมสินค้าพื้นเมือง สินค้าท้องถิ่น เป็นอย่างมาก โดยซื้อไปใช้ ไปเป็นของฝาก ของที่ระลึกเงินไหลเข้าชุมชน ใช้สอยไม่ขัดสน มีความสุขถ้วนหน้าอีกด้วย
นางสาวธนิดา พูนจิตร อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 หมู่ที่ 1 ต.นาแต้ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ผู้ก่อตั้ง แบรนด์ นุชบา แปรรูป ผ้าขาวม้า กล่าวว่า เกษตรกร ปลูกข้าวได้ผลผลิตไม่เต็มที่ เพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง บางปีฝนไม่ตกตามฤดูกาล จึงอยากให้ชาวนาผู้ปลูกข้าวมีรายได้เสริม จึงได้จัดตั้งกลุ่มผ้าขาวม้า นุชบา แปรรูป OTOP ขึ้น เมื่อปี 2558 โดยเข้าไปส่งเสริม สนับสนุน แม่บ้านชาวนา ทำการผลิตสินค้าจากผ้าขาวม้า เช่น กระเป๋าหลากหลายชนิด เสื้อผ้า ทำตามใบสั่งลูกค้า เรียกว่า ผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้า ทำขายทุกอย่าง ที่โดดเด่น คือพวงมาลัยกร ซึ่งที่นี่ ทำจากผ้าขาวม้า ออกมาสวยงาม ทนทาน แปลก สะดุดตา เป็นที่สนใจผู้พบเห็นยิ่งนัก ทำให้ขายดีและโด่งดังมาก เพราะพวงมาลัยกร เมื่อคลี่ออกเป็นผ้าขาวม้า จะใช้ประโยชน์ได้มากมาย ซึ่งจะแตกต่างจาก พวงมาลัยดอกไม้ ซึ่งไม่กี่วันเหี่ยวเฉาแห้งไปตามเวลาที่ผ่านมา มีใบสั่งทำ เข้ามามากกว่าสินค้าอื่น และที่ภาคภูมิใจมากที่สุด เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2561 วันสงกรานต์ได้นำ “พวงมาลัยกร ทำจากผ้าขาวม้า” ไปมอบให้กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้รับคำชมเชย ยกย่อง ว่า เป็นงานฝีมือจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่สวยงามมาก และมีการประชาสัมพันธ์ ให้มีการช่วยเหลือส่งเสริม สนับสนุนสินค้าจากกลุ่มแม่บ้าน ให้มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน
นางสาวธนิดา พูนจิตร ผู้ก่อตั้ง แบรนด์ นุชบา กล่าวว่า ที่นี่ ให้การสนับสนุน ส่งเสริม เกษตรกรชาวนาทั้ง 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองอำนาจเจริญ, เสนางคนิคม, ลืออำนาจ,หัวตะพาน,ปทุมราชวศา,ชานุมาน และพนา ด้วยการทอผ้าขาวม้าจากอุปกรณ์ทอผ้าจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เริ่มจาก ปลูกต้นฝ้าย กลายเป็นเส้นด้ายและนำมาทอเป็นผ้า โดยใช้กี่ทอผ้า เป็นผ้าเมตร ส่งมาที่กลุ่มฯ ซึ่งภายในที่ทำการกลุ่ม จะแบ่งการทำงานเป็นแผนก เช่น ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยหรือทำตามใบสั่งลูกค้า, ตัดเย็บ,คัดเลือกและตรวจสอบสินค้าก่อนจะส่งให้ลูกค้าหรือนำไปวางจำหน่ายตามศูนย์จำหน่ายสินค้าสำคัญๆ ในพื้นที่และต่างจังหวัด ราคาเริ่มต้นที่ 15 บาทขึ้นไป
นางสาวธนิดา พูนจิตร ผู้ก่อตั้ง นุชบา แปรรูป ผ้าขาวม้า กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการลงพื้นที่ติดตามการทำงานของสมาชิกกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นผู้สูงอายุทำการทอผ้าขาวม้าส่งให้กลุ่ม เพราะว่า มีเวลาว่าง ประกอบกับมีความชำนาญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ที่สำคัญมีใจรัก ที่ต้องการอนุรักษ์งานทอผ้าขาวม้าให้อยู่ยั่งยืน และมีหลายคน บอกสอนลูกหลานให้รู้จักวิธีทอผ้าขาวม้าให้สามารถทำเองได้ ส่วนคนหนุ่มสาววัยแรงงาน จะทำนาปลูกข้าว และมีบางคน ทอผ้าขาวม้าขาย เป็นอาชีพหลัก ส่วนการทำนาปลูกข้าว เป็นอาชีพเสริม พอได้มีข้าวกิน ไม่ต้องไปซื้อข้าวตลาด เพื่อประหยัดเงิน
นางสาวธนิดา พูนจิตร ผู้ทำให้ชาวนาไม่ว่างงานมีเงินใช้ กล่าวทิ้งท้ายว่า เพียงชั่วระยะเวลา ไม่กี่ปี ผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้า แปรรูป ภายใต้ชื่อ นุชบา สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ มีใบสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เงินไหลเข้าชุมชนกว่า 1 ล้านบาท/เดือน ส่งผลให้เศรษฐกิจดี และล่าสุด ที่ภาคภูมิใจมาก คือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สวมเสื้อเชิ้ต ซึ่งตัดจากผ้าขาวม้า สีธงชาติไทย ของกลุ่มแปรรูปผ้าขาวม้านุชบา จ.อำนาจเจริญ เดินอวดโฉมในกรุงโรงประเทศอิตาลี เป็นที่ฮือฮาแก่ชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
หากใครสนใจ ผ้าขาวม้าแบรนด์ “นุชบา” ไปเป็นของฝาก ของใช้ ของที่ระลึก โทร.08-03338399 ได้ทุกวัน...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี