‘เพิ่มพูน’สั่งสกสค.เร่งบังคับคดี ทวงคืน 2,500 ล้าน ประสานปปง.สืบทรัพย์
27 พฤษภาคม 2567 ความคืบหน้ากรณีศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษา กรณีอดีตผู้บริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษตามโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษากรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) ไปซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด โดยมิชอบ รวมเป็นเงินกว่า 2,500 ล้านบาท ทำให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ได้รับความเสียหาย จึงพิพากษาให้ลงโทษจำคุกอดีตประธานและกรรมการกองทุนฯและพวกทั้ง 16 ราย รายละ 20 ปี และให้ลงโทษจำคุก กรรมการบริษัท บิลเลี่ยนฯ 2 ราย รายละ 12 ปี 16 เดือน ปรับเป็นเงินจำนวน 240,000 บาท และพิพากษาให้อดีตประธานและกรรมการกองทุนฯ รวม 16 ราย และบริษัท บิลเลี่ยนฯ และกรรมการบริษัทฯ รวม 3 ราย ร่วมกันนำเงิน จำนวน 2,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ส่งคืนศาลภายใน 30 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษา คือวันที่ 21 พฤษภาคม เพื่อศาลจะนำส่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ต่อไปนั้น
ล่าสุด พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า เพื่อประโยชน์ของ สกสค.จึงได้ มอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. ไปคัดคำพิพากษา ประสานอัยการเพื่อเร่งรัดติดตามและยื่นบังคับคดีตามขั้นตอน กรณีผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถนำเงินจำนวน 2,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ5 ส่งคืนให้สกสค. ได้ตามกำหนด จะมีการสืบทรัพย์ตามกระบวนการบังคับคดี เพื่อดูเส้นทางการเงิน ว่า มีการยักย้ายถ่ายเทไปทีใด เพื่อติดตามกลับคืนมา ตรงนี้เป็นมิติที่ต้องประสานกรทำงานร่วมสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการดำเนินการ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน เพื่อไล่ทวงคืนตามลำดับ
“การดำเนินการในเรื่องนี้ เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยในส่วนของคดีอาญานั้น ผู้กระทำความผิดทั้งหมด ได้ถูกจำคุก และศาลไม่ให้ประกันตัว ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายก็ต้องดำเนินการสืบทรัพย์ตามขั้นตอน กรณีนี้ยังถือว่า ไม่สิ้นสุด แต่เท่าที่สอบถามเบื้องต้น ในส่วนของสกสค.ผลการพิพากษาเป็นไปตามคำฟ้อง ดังนั้น ทางสกสค.เองคงไม่ยื่นอุทธรณ์ และให้ยื่นบังคับคดีเพื่อเรียกเงินคืน แต่ถ้าทางอดีตผู้บริหารกองทุนฯ และผู้บริหารบริษัท บิลเลี่ยนฯ จะยื่นอุทธรณ์ ทางสกสค. ก็ต้องแก้อุธรณ์ตามขั้นตอน”พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีอดีตผู้บริหารกองทุนฯ นำเงิน ไปซื้อหุ้น บริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ในโครงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชน บ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย ในราคาหุ้นละ 25 บาท รวมมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาทนั้น คงต้องไปตรวจสอบรายละเอียด ซึ่งทุกเรื่องเป็นไปตามกระบวนการ และเร็ว ๆ นี้จะนัดประชุมคณะกรรมการสกสค. เพื่อติดตามการดำเนินการเรื่องต่างๆต่อไป
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี