สืบนครบาล รวบ"อี๊ด สายไหม" ล่วงละเมิดผู้เสียหายวัย 7 ขวบ ก่อเหตุเกือบ 10 ปี หลบซ่อนเนียนยังมาถามตามจับได้ไง
“ถูกล่วงละเมิดเกือบ 10 ปี” เรื่องเศร้าของเด็กสาววัย 16 ปี ที่ถูกล่วงละเมิดตั้งแต่เธออายุเพียง 7 ขวบ แล้วคนร้ายยังเป็นผู้ติดเชื้อ HIV ด้วย ล่าสุด ผู้ต้องหาอานุ 59 ปีใจบาปถูกออกหมายจับแต่หลบหนีสุดชีวิต จนผู้การจ๋อ ส่งชุดสารวัตรแจ๊ะไล่ล่าบนถนนบูรพาวิถี ก่อนจะไปจนมุมที่ริมถนน พื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งขณะจับกุมผู้ต้องหาทำทีขาสั่นคล้ายจะเป็นลม ก่อนจะรับสารภาพว่าลงมือล่วงละเมิดจริง แต่ยืนยันเสียงแข็งว่า “ว่าตอนนี้ไม่ได้เป็น HIV เพราะไม่เคยไปตรวจ” เจ้าตัวแจ้งว่าได้แฝงตัวเข้าไปเป็นลูกจ้างรายวัน ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ สวมหมวก สวมแว่นเพื่อปิดบังอำพลางมิให้ใครรู้ ใช้ชีวิตกินนอนในปั๊ม สุดท้ายจนมุมสืบนครบาล ตอนถูกจับกุมหน้ามืดเป็นลมเพราะคิดว่าตนเองหนีได้เนี๊ยบแล้วไม่คิดว่าจะมาถูกจับกุมได้
วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันจับกุมตัว นายหนูการณ์ หรืออี้ด อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.2010/2567 ลงวันที่ 2 พ.ค. 67 โดยกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย” จับกุมตัวได้ที่ บริเวณลานจอดรถหน้าบริษัทแห่งหนึ่ง ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
พบประวัติการเคยถูกจำคุกราว 2 ปี ตั้งแต่ 11 มิ.ย. 57 ถึง 12 พ.ค. 59 ในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองและเสพฯ” พื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ
พฤติการณ์กล่าวคือ “ถูกข่มขืนเกือบ 10 ปี” เรื่องราวของน้องบี นามสมมติวัย 16 ปี ถูกข่มขืนตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ ซ้ำร้ายมีข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้ติดเชื้อ HIV ด้วย น้องผู้เสียหายได้ออกมาเปิดว่าตลอดระยะเวลาที่เธอพักอาศัยอยู่ย่านสายไหม จ.กรุงเทพฯ เธอถูก “ตาเลี้ยง” ใช้จังหวะที่ยายไม่อยู่บ้านลงมือล่วงละเมิดเธออยู่เป็นประจำ โดยทุกครั้งจะไม่สวมถุงยางอนามัย ซึ่งความเลวร้ายที่สุดคือ “ผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้ติดเชื้อ HIV” และยังกล่าวอีกว่าเธอยังถูกล่วงละเมิดมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ตั้งแต่ที่เธออยู่ที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก นาทีนั้นเธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เธอถูกกระทำนั้นคืออะไร รู้เพียงว่าเธอเจ็บและกลัวมาก แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนเพราะถูกข่มขู่ห้ามบอกใครไม่งั้นจะขังเธอไว้ในเล้าเป็ดและพาไปขายซ่อง
ล่าสุดเธอเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ที่ สน.บางเขน เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 67 ที่ผ่านมาและในปัจจุบันได้มีการออกหมายจับแล้วคือ นายหนูการณ์ อายุ 59 ปี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสารวัตรแจ๊ะติดตามจับกุมตัว แต่การสืบสวนติดตามนั้นกลับกลายเป็น “งานหิน” เพราะผู้ต้องหานี้ทราบข่าวแล้วไหวตัว “หลบหนีสุดชีวิต”การคืนความยุติธรรมให้เด็กสาวผู้เสียหายเริ่มยาก เพราะงมโข่งไร้แสงปลายอุโมงค์อยู่หลายวัน จนกระทั่งได้รับเบาะแสจากพลเมืองดีว่าเคยเห็นผู้ต้องหารายนี้ขับรถรับจ้างบนถนนบูรพาวิถีบริเวณจุดรอรถริมถนนของห้างย่านบางนา แม้จะเลือนรางแต่ก็เป็นเบาะแสจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่
ชุดสืบสวนใช้ความพยายามขับรถไปๆมาๆอยู่บนถนนบูรพาวิถีกว่า 3 วัน 3 คืน ไล่ดูหน้าคนขับ Taxi , รถตู้ และรถทัวร์ กินนอนกันบนรถอย่างไม่ย่อท้อ กระทั่งเช้าของวันที่ 28 พ.ค. 67 ได้พบกับรถทัวร์ลายกัปตันแจ็คสแปโรว์ ที่คนขับกำลังเปิดกระจกมาจ่ายค่าทางด่วน ใบหน้าอันคุ้นเคยที่ผ่านการจำมากว่า 3 วัน “มั่นใจ” ใช่แน่นอน สารวัตรแจ๊ะสั่งชุดสืบสวนไล่ล่าติดตามแบบ “รถแห่” ขี่ตามรถทัวร์คันดังกล่าวไปแบบขบวนกฐิน กระทั่งรถคันดังกล่าวไปจอดส่งพนักงานโรงงานที่ริมถนนใน จ.ฉะเชิงเทรา ชุดสืบสวนจึงบุกเข้าชาร์จและจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในชั้นจับกุม นายหนูการณ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ให้การว่า บ้านเกิดของตนอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี แต่พ่อและแม่มาทำงานที่กรุงเทพฯ จึงอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯตั้งแต่เด็ก ตนมีอาชีพขับรถเมล์โดยสารประจำทาง โดยได้วิชาจากพ่อที่มีอาชีพขับรถสิบล้อ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นตอนต้นปี 2567 ตอนนั้นตนยังขับรถเมลล์ร่วมบริการสาย 34 เมื่อเลิกจากงานจึงชักชวนหลานเลี้ยงมาคุยเล่นกันจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ จนทนไม่ไหวได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการขืนใจ แต่เพราะหลานเลี้ยงมายั่วตนก่อน ส่วนเรื่องที่เป็นข่าวว่าตนนำเชื้อ HIV ไปติดหลานเลี้ยงนั้นไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่เคยตรวจเลือดและไม่มีอาการของโรค HIV และไม่อยากที่จะตรวจ ส่วนโรคประจำตัวจะเป็นก็แค่โรคความดันต่ำ
คดีนี้ตนรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ยอมรับว่าได้มีอะไรกับหลานสาวทั้งหมด 6 ครั้ง หลังเกิดเรื่องตนโทรไปเคลียร์แล้วแต่เคลียร์ไม่รู้เรื่อง และมีการออกข่าวเรื่องราวนี้ ตนจึงหลบหนีไปกบดารอยู่แถวสมุทรปราการ และได้แฝงตัวเข้าไปเป็นลูกจ้างรายวัน (คนขับรถทัวร์) โดยใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ สวมหมวก สวมแว่นเพื่อปิดบังอำพลางมิให้ใครรู้ ใช้ชีวิตกินนอนในปั๊มไม่นอนที่พัก แต่ก็มาถูกตำรวจสืบนครบาลมาจับกุม ตอนถูกจับกุมยอมรับว่าหน้ามืดจะเป็นลมเพราะคิดว่าตนเองหนีได้เนี๊ยบแล้วไม่คิดว่าจะมาถูกจับกุมได้” หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “ผมขอให้กำลังใจสำหรับน้องผู้เสียหาย จงเข้มแข็งและหากไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร ก็จงอยู่เพื่อตัวเอง เราจับกุมคนร้ายคืนความยุติธรรมให้ผู้เสียหายแล้ว ขอให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ก้าวเดินไปอย่างเข้มแข็ง สำหรับผู้ต้องหาหลังจากนี้ก็ต้องไปชดใช้กรรมและรับบทลงโทษในสิ่งที่ตนก่อ ในรูปแบบที่เรียกว่ากระบวนการยุติธรรม เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทั้งต่อตัวเด็กต่อสังคม กระผมมีความเป็นห่วงอย่างยิ่ง จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันสอดส่อง ดูแล ช่วยเหลือกัน เป็นหูเป็นตาให้กันเพื่อช่วยกันปกป้องดูแล เพื่อไม่ให้ลูกหลานของเรา ต้องตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเหมือนดังที่ผมเคยได้กล่าวไว้ว่า ประชาชนคือตำรวจ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนหากผู้ใดมีเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี