"เพิ่มพูน"สั่งลุย สำรวจเด็กหลุดจากระบบการศึกษา เพื่อดึงกลับสู่ระบบ ตั้งเป้าตัวเลขเด็กดร็อปเอาท์ต้องเป็นศูนย์
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ ว่า ที่ประชุมรายงานการขับเคลื่อนการยกระดับการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รายงานการนํานักเรียนเข้าสู่ระบบการทดสอบ COMPUTER BASED TEST เพื่อนําผลสู่การพัฒนา และเติมเต็มนักเรียน (Pre-test) ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2567 กว่า 104,578 ราย พร้อมๆ กับการขยายแกนนำ ที่เป็นครู ศึกษานิเนิทศก์ พี่เลี้ยง และแกนนำ ระดับเขตพื้นที่ฯ 1,400 คน ที่ผ่านหลักสูตร การอบรมการใช้ระบบออนไลน์ข้อสอบ PISA ในสถานศึกษา สู่โรงเรีนนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศ 9,214 แห่ง ครู 3 โดเมน 27,397 ราย จนถึงเดือนกันยายน 2568
"ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำการจัดอบรมฯ PISA ให้ สสวท.ติดตามและรายงานความก้าวหน้า พร้อมมีแผนระยะยาว การจัดทำข้อสอบเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ตั้งแต่เด็กๆ ระดับประถมศึกษา เริ่มจากการอ่าน การคิดวิเคราะห์ ส่วนวิธีการทดสอบหรือการออกข้อสอบ ให้เข้ากับเจนเนอเรชั่นของเด็กในยุค 4.0 และมีความทันสมัย ทั้งในเรื่องของภาษา การเลือกใช้คำที่เข้ากับวัยของเด็ก" รมว.ศธ.กล่าว
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการติดตามการดำเนินการงบประมาณ โดยได้ติดตามเรื่องเงินอุดหนุน อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจนถึงช่วงเดือนมิถุนายน 2567 และคาดว่าจะเบิกจ่ายได้ตามแผนที่วางไว้ ส่วนงบลงทุน กำลังเร่งทำแอปพลิเคชันโดยมี สพฐ.เป็นเจ้าภาพ เพื่อติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเรียลไทม์ ในส่วนของงบประมาณ ขอให้วิเคราะห์ปัญหา ความเสี่ยง และหาบุคลากรแต่ละพื้นที่ที่มีความชำนาญ ในแต่ละเรื่อง เพื่อช่วยเป็นพี่เลี้ยงในการบริหารจัดการงบประมาณ ส่วนกรณีที่ ศธ.มีหนังสือยกเว้น หรือผ่อนผันการแต่งเครื่องแบบนักเรียนนั้น ขอเน้นย้ำ โดยเฉพาะในสภาวะที่เศรษฐกิจที่เงินเฟ้อ ผู้ที่ขัดสนอาจไม่สามารถจัดหาเครื่องแบบนักเรียนได้ ศธ.จึงออกหนังสือดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณา ช่วยเหลือนักเรียนให้สามารถมาโรงเรียนได้โดยไม่กดดัน โดยขอให้มีการสำรวจข้อมูล เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยอาจต้องประสานกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และภาคเอกชน ในการเข้ามาช่วยเหลือ รวมถึงให้มีการจัดทำระบบคลังข้อมูลเพื่อการบริหารการศึกษา (Data Warehouse)
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ สำนักงานปลัด ศธ.พัฒนาพัฒนาระบบรายงานผลการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เรียนดี มีความสุข แบบเรียลไทม์ ทั้งในเรื่องของสุขาดี มีความสุข และการยกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งกายของนักเรียนในสถานศึกษา ไว้สำหรับสำรวจเป็นข้อมูลเพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายลดภาระครู นักเรียน และผู้ปกครอง เป็นหลัก ขณะเดียวกันยังเน้นย้ำเรื่อง การขับเคลื่อนการป้องกันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน พร้อมจัดกิจกรรมวันงดสูบบุหรี่โลก และขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้พิจารณาแต่งตั้งผู้อำนวยการโรงเรียนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ให้เป็นเจ้าพนักงานดูแลเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา เพื่อให้มีอำนาจในการตรวจยึด และขยายผลในการแก้ปัญหาต่อไป
"ส่วนกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบมาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ หรือ Thailand Zero Dropout นั้น ในส่วนของ ศธ.ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยในเชิงรุกได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) สำรวจตัวเลขเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา และพยายามนำเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา หรือเข้าเรียนในระบบการศึกษาตามอัธยาศัย โดย ศธ.ก็มีเป้าหมายให้เด็กดร็อปเอาท์เป็นศูนย์เท่านั้น และไม่ใช่แค่เด็กในวัยเรียนเท่านั้น ยังรวมถึงประชาชนทั่วไป ที่ยังได้รับการศึกษาไม่ถึงภาคบังคับ ก็ขอให้ สกร.เข้าไปช่วยเติมเต็ม ให้ความรู้ เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทยมีความรู้ไม่น้อยกว่าการศึกษาภาคบังคับด้วย" พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี