ศธ. จับมือ การไฟฟ้า3 ฝ่าย ติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ให้โรงเรียนที่ใช้ไฟฟ้าสูง เพื่อลดค่าใช้จ่ายและลดภาวะโลกร้อน
วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นสักขีพยายในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ในสถานศึกษา ระหว่าง ศธ. กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ, นายเมธาวัจน์ พงศ์รดาภิรมย์ รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง(รวธ.)ทำการแทนผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต, นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการธุรกิจ การไฟฟ้านครหลวง, นายประสิทธิ์ จันทรประสิทธิ์ รองผู้ว่าการธุรกิจและการตลาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดศธ., ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ., นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการ กอศ.,นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เข้าร่วมในพิธี ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า ยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ในสถานศึกษา ระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการ กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในวันนี้
จากการกล่าวรายงานของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ตระหนัก และให้ความสําคัญในการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การอนุรักษ์และการจัดการพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการใช้พลังงานทดแทน สําหรับผลิตไฟฟ้าเพื่อลดปริมาณ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทั้งยังเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อน เพื่อให้ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยการติดตั้งระบบการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์ในสถานศึกษาทั้งรูปแบบติดตั้งบนหลังคา หรือบนพื้นดิน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ด้านพลังงานในสถานศึกษา
การดําเนินการโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ( Solar Cell) ในสถานศึกษา จะก่อให้ประโยชน์อย่างมากในการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา และ เป็นการเสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาเรียนรู้แก่นักเรียนเพิ่มมากขึ้น ภายหลังจากการลงนามบันทึกข้อความร่วมมือดังกล่าวแล้ว กระทรวงศึกษาธิการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะร่วมมือกัน เพื่อขับเคลื่อนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ( Solar Cell) ในสถานศึกษา หรือส่วนราชการในสังกัดและหน่วยงานในกํากับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม และบรรลุผลสัมฤทธิ์ต่อไป
“โครงการนี้ ได้เริ่มมาก่อนหน้านี้ระยะหนึ่งแล้ว วันนี้เราเพียงมาร่วม MOU เพื่อให้เป็นทางการและมีความชัดเจนขึ้นในการทำงานร่วมกัน ซึ่งการใช้พลังงานสะอาด ก็เป็นนโยบายของรัฐมนตรีมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งแล้ว และได้มอบให้หน่วยงานไปดำเนินการเป็นรายโรงเรียน ก็ต้องขอขอบคุณการไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ให้ความร่วมมือกับ ศธ. และหลังจากที่มีการ MOU กันแล้ว ในระดับจังหวัดและภูมิภาคก็จะสามารถประสานงานกับโรงเรียนได้ง่ายขึ้น สำหรับการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ของโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯมีความสำคัญมาก เพราะโรงเรียนใช้แอร์ใช้พลังงานสูงมาก หากโรงเรียนได้รับการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์และได้รับคำแนะนำในการใช้พลังงานแบบประหยัดก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก นอกจากนี้ เด็กยังจะได้รับการปลูกฝังความรู้ในการใช้พลังงานอย่างประหยัดด้วย สำหรับ MOU ครั้งนี้ มีระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 2567-2569 เป้าหมายจะติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงเรียนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสูงมากก่อน หรือโรงเรียนที่มีภาระจ่ายค่าสาธารณูประโภคสูง ก็จะไปติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ให้ก่อน และโรงเรียนที่มีความพร้อมจะติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ จะต้องแจ้งความประสงค์ไปยังการไฟฟ้าเพื่อมาสำรวจการใช้ไฟและสำรวจสถานที่ที่เหมาะสมก่อนติดตั้งแผงโซล่าเซล เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า“ รมว.ศธ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี