31 พฤษภาคม 2567 ร้อยตำรวจเอก ทัศนันท์ อินทร์งาม รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรวังหิน ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกทุบนอนเสียชีวิตอยู่บนถนนริมคลองส่งน้ำบ้านหนองคู ตำบลโพนยาง อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ จึงรีบออกไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมกับแพทย์เวรโรงพยาบาลวังหิน พอถึงที่เกิดเหตุ พบร่างชาย ทราบชื่อผู้เสียต่อมาคือ นายจิต อายุ 75 ปี ตำบลศรีสำราญ อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ สภาพศพถูกส่วนหัวถูกทุบด้วยของแข็ง
ซึ่งผู้ก่อเหตุคือ นายไพศาล เสนาจ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 11 ตำบลโพนยาง อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ ได้หลบหนีเข้าไปในบ้านที่จากจุดเกิดเหตุเพียง 20 เมตร เจ้าหน้าตำรวจใช้เวลาประมาณ 30 นาที ช่วยกันปิดล้อมบ้านผู้ก่อเหตุ และงัดประตูข้างบ้านเข้าไปจับกุมผู้ก่อเหตุ ก่อนจะนำตัวไปคุมขังที่สถานีตำรวจภูธรวังหิน
จากการสอบถาม นายชัยชนะ สีทา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า จิตเวชดักทำร้ายชาวบ้านซึ่งน่าจะเสียชีวิตแล้วนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน ตนจึงออกมาดูและได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจับกุม ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุมีประวัติเป็นจิตเวช และเคยนำตัวไปรักษาอาการทางจิตมานานหลายปี โดยผู้ก่อเหตุเป็นคนอารมณ์รุนแรงเลือดร้อน ซึ่งแต่ก่อนผู้ก่อเหตุจะดื่มแอลกอฮอล์หนัก หรือมีอย่างอื่นมาร่วมด้วยก็ไม่รู้ พอหลังๆมาผู้ก่อเหตุไม่ได้ทานยาจิตเวชก็จะมีอาการคุ้มคลั่งอยู่เป็นประจำ ก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุทุบรถชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาแต่ไม่หนักถึงขนาดต้องเสียชีวิต ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาจะรู้นิสัยของผู้ก่อเหตุ(นายไพศาล)ดีเวลาผ่านไปผ่านมาจะคอยระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ
ด้าน นายประดิษ วิถี อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นน้องเขยและอยู่บ้านติดกันกับผู้ก่อเหตุ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ผู้ก่อเหตุจะมีพฤติกรรมเอะอะโวยวาย บางครั้งตนอยู่ใกล้จะเกิดความหวาดระแวงกลัวผู้ก่อเหตุมาทำร้าย มีครั้งหนึ่งผู้ก่อเหตุเคยมาทำร้ายร่างกายตนด้วยการใช้จอบทุบที่หลังแต่คราวนั้นตนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 6 ตำบลศรีสำราญ อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของผู้เสียชีวิต พอไปถึงญาติๆและชาบ้านกำลังช่วยกันกางเต้น เตรียมจัดสถานที่ โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางนาตยา แต้มทอง อายุ 77 ปี ซึ่งเป็นป้าของผู้ตาย หรือ พี่ภรรยาของผู้ตาย ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ผู้ตายเดิมเป็นคนนิสัยดี พอมารู้ข่าวว่าผู้ตายถูกกระทำแบบนี้ตนตกใจ และเสียใจมาก ไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นแบบนี้ได้ ส่วนตัวความคิดลึกก็ไม่อยากให้อภัยกับผู้ก่อเหตุ แต่คิดอีกมุมหนึ่งแบบผู้ก่อเหตุเป็นจิตเวช ใครละอยากเป็นจิตเวชและใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้ ส่วนเรื่องทางคดีก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรวังหิน โดยพบกับ นายประเสริฐ พวงยอด อายุ 76 ปี ซึ่งเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตอนั้นตนได้ขับรถจักรยานยนต์จากบ้านเห็นอ้มเพื่อที่จะกลับบ้านที่ อำเภอปรางค์กู่ หลังจากที่ไปดูบั้งไฟเสร็จ ระหว่างทางตนได้มาถึงที่เกิดเหตุ ได้เห็นคนนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนนโดนรถทับอยู่ ตนคิดว่ารถล้มทับแล้วสลบ ใกล้ๆเห็นผู้ก่อเหตุยืนอยู่ตนจึงจอดรถและบอกผู้ก่อเหตุว่า ทำไมไม่มาช่วยคนที่นอนอยู่ แต่ผู้ก่อเหตุกับยืนถือไม้อยู่นิ่งๆ ตนเห็นแบบนั้นจึงกลัว เลยจะกลับรถขับหนี จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุถือไม้วิ่งมาตีตน ตนจึงทิ้งรถแล้วเข้าสู้กลับผู้ก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุใช้ไม้ตีเข้าที่หัวหลายครั้ง โชคดีที่ตนใส่หมวกกันน็อค ตนตั้งหลักลุกขึ้นสู้ทำให้ผู้ก่อเหตุเหนื่อยล้าและหยุดตี จังหวะนั้นตนจึงวิ่งไปจับรถมอเตอร์ไซค์ที่ล้มอยู่แล้วรีบขับหนี ผู้ก่อเหตุยังวิ่งไล่ตามตน ต้นบิดคันเร่งสุดแรง ก่อนจะไปขอความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้าน และแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบว่ามีคนก่อเหตุทำร้ายร่างกายคนเสียชีวิต
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า อาวุธที่ใช้ก่อเหตุคือ ท่อนปูน และท่อนไม้ที่มีตะปูน โดยผู้ก่อเหตุหน้าจะมีอาการคลั่งจากการไม่ได้กินยาจิตเวช ก่อนจะใช้อาวุธดังกล่าวทุบทำร้ายจนเป็นเหตุมีผู้เสียชีวิต ส่วนปมเหตุขอการก่อเหตุ ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรอให้ผู้ก่อเหตุมีสติมากกว่าก่อน เพราะตอนที่นำผู้ก่อเหตุมาคุมขังไว้นั้นยังไม่อาการคุ้มคลั่งอยู่ พอสงบสติอารมณ์ได้แล้วถึงจะนำตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อนำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บ้านผู้ก่อเหตุพบบนพื้นมีล่องลอยที่ผู้ก่อเหตุเขียนไว้เต็มพื้นไปหมด บ้างข้อความอ่านออกบ้าง อ่างไม่ออกบ้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี