ย้อนรอยเส้นทางสุดท้ายของ"แป้ง นาโหนด"หลบหนีจากทะเลสตูลสู่น่านน้ำทะเลสากลเข้าอินโดนีเซีย ใช้เวลา 2 วันกับอีก 1 คืน ขณะที่กำนันเชื่อ'เสี่ยแป้ง' หลบหนีออกนอกประเทศได้ ต้องมีคนคอยช่วยเหลือตลอดเส้นทาง
ความคืบหน้ากรณีตำรวจอินโดนีเซียจับกุมตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด นักโทษชายที่หลบหนีจากการควบคุมตัวของกรมราชทัณฑ์ ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา รวมหลบหนีไปกว่า 200 วัน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ( อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดคำสารภาพ'แป้ง นาโหนด'บอก'ยอมแล้วครับนาย' ซัดทอดพาดพิงถึงคนอื่นด้วย )
31 พค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.สตูลว่า สำหรับ แป้ง นาโหนด หลบหนีเส้นทางสุดท้ายคือ ทางทะเลจังหวัดสตูล ทันทีที่มีการปะทะกันบนเขารอยต่อติดจังหวัดตรังและสตูล โดยก่อนหน้ามีการพบว่ารถของสมุนแป้งนาโหนดวิ่งมุ่งหน้าระหว่าง อำเภอท่าแพและอำเภอละงู ซึ่งพบว่ารอยต่อทางทะเลสตูลมุ่งหน้าสู่น่านน้ำทะเลสากลเข้าอินโดนีเซีย ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ก็สามารถข้ามฟากไปได้ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เชื่อว่าต้องมีคนที่เคยพึ่งพาอาศัยกันมาก่อนของแป้ง นาโหนด ให้การช่วยเหลือจนสามารถหลบหนีไปได้
ด้านนายนฤนนท์ ฮะยีบิลัง กำนันตำบลตันหยงโป อ.เมืองสตูล บอกว่า ได้ติดตามข่าวแป้ง นาโหนด มาตลอดและเห็นได้ว่าบุญคุณต้องทดแทนทำให้หลบหนีไปได้เพราะมีคนช่วยเหลือ ศักดิ์ศรีคนใต้และบุญคุณต้องทดแทนที่เคยเกื้อกูลกันมาเชื่อว่าทำให้เขาได้รับความช่วยเหลือตลอดเส้นทาง อีกทั้งมีคนรู้จักเยอะและชอบช่วยเหลือคนอื่น
"การที่แป้ง นาโหนด ไปถูกจับได้ที่อินโดนีเชียนั้น เชื่อว่าการทำงานของตำรวจไทยทำเต็มกำลังและไม่ได้ปล่อยละเลย หลังเล็ดรอดอออกจากพื้นที่ยิงปะทะไปได้ และเป็นร่วมร่วมมือกันระหว่างประเทศไทยและอินโดนีเซีย ก็ต้องชื่นชม"นายนฤนนท์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี