รวบหนุ่มเวียดนาม ค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ พร้อมตรวจยึดลูกเสือโคร่ง 1 ตัว

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. พล.ต.ต.วัชรินทร์  พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. สั่งการ  พ.ต.อ.สมบัติ  มาลัย รรท. ผกก.3 บก.ปทส. พ.ต.ท.ผล แก้วนามอม, พ.ต.ต.กรณุชา บริรักษ์กุล สว.กก.3 บก.ปทส. จับกุม นายโฮ เท ลัค อายุ 34 ปี ​(MR.HO THE LUC ) สัญชาติเวียดนาม นางสาวิตรี นันท์ภิวัฒน์ อายุ 42 ปี พร้อมของกลาง ลูกเสือโคร่ง อายุประมาณ 1 เดือน 1 ตัว ตระกร้าพลาสติก 1 ใบ รถยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ ต.วิศิษฎ์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับประสานจากมูลนิธิไวด์ไลฟ์จัสติสคอมมิชชั่น (WJZ) ว่าพบเบาะแสสำคัญเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของ นายโฮ ชายชาวเวียตนาม หนึ่งในขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติแถบพื้นที่ ลาว,เวียตนาม และ เมียนมาร์ ที่ปัจจุบันกบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ประเทศลาว 

หลังพบว่ามีการโพสน์ขายลูกเสือโคร่งในกลุ่มลับ จึงวางแผนส่งสายติดต่อล่อซื้อลูกเสือโคร่งจำนวน 1 ตัว โดยนัดหมายส่งมอบกันในพื้นที่ จ.บึงกาฬ จึงวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์พื้นที่โดยรอบ เมื่อถึงเวลานัดหมายพบนายโฮ กับ นางสาวิตรี นำลูกเสือโคร่งเพศเมีย อายุ 1 เดือน มาส่งให้กับสายลับจำนวน 1 ตัว จริง จึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว 

สอบสวนนายโฮ ให้การรับสารภาพเป็นคนโพสต์ขายลูกเสือโคร่งดังกล่าวจริง แต่เป็นลูกเสือโคร่งป่า ที่สั่งซื้อต่อมาจากฟาร์มเพาะเลี้ยงในประเทศเวียดนาม แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เตรียมขยายผลตรวจสอบว่าเป็นเสือที่ถูกล่ามาจากป่าหรือไม่ 

ขณะที่ นางสาวิตรี ให้การปฏิเสธ อ้างว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าสัตว์ป่าดังกล่าว รวมถึงไม่ทราบว่าสัตว์ที่อยู่ภายในกล่องที่ตนเองถือมานั้นเป็นลูกเสือโคร่ง และ กล่องดังกล่าวก็ไม่ใช่ของตนเอง แต่เป็นของคนรู้จักชื่อ นายต้น ชายชาวลาว นำมาใส่ไว้ในรถเพื่อฝากให้นำไปส่งต่อให้กับลูกค้า แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต “ ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป 

ทั้งนี้ สำหรับเสือโคร่งนั้นเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 และยังเป็นสัตว์ป่าที่ CITES ควบคุม ชนิดพันธ์บัญชีหมายเลข 1 ลำดับที่ 26 ซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาดเนื่องจากใกล้สูญพันธ์ หากผู้ใดครอบครองหรือทำการค้าเสือโคร่งนั้นจะมีอัตราโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ