“ปธ.-รองปธ.สภากทม.” แถลงผลงาน 2 ปี หลังหมดวาระสะท้อนปัญหาลงพื้นที่ผ่าน 109 ญัตติ ตั้งคณะกก.-จับมือหลายฝ่ายแก้ปัญหาปชช. / เปิดประชุมเลือกประธานชุดใหม่ 6 มิ.ย. โผสก.ใหม่ทั้ง 3 คน ปธ.ไม่ติดถือเป็นมิติใหม่ภาพคนรุ่นใหม่ชวนคนติดตามมากขึ้น
วันที่ 5 มิ.ย. 2567 นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง นายอํานาจ ปานเผือก รองประธานสภาฯ คนที่สอง และ นางสาวนฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ โฆษกสภาฯ แถลงผลงานในวาระการดํารงตําแหน่ง ครบรอบ2 ปี ณ อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม.2 ดินแดง
นายวิรัตน์ กล่าวว่า สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ชุดปัจจุบัน เป็นชุดที่ 13 เริ่มทำหน้าที่ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2565 ครบวาระการดํารงตําแหน่ง 2 ปี วันที่ 5 มิ.ย. 2567 ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สภากรุงเทพมหานคร(สภากทม.) ได้ประชุมสภากรุงเทพมหานคร เพื่อสะท้อนปัญหาจากการลงพื้นที่ของ สก. จากนั้นจึงรวบรวมนํามาเป็นกระทู้ ญัตติ เพื่อนํามาอภิปรายให้ฝ่ายบริหารกทม.รับทราบ และเร่งแก้ปัญหา โดยได้ประชุมสภาจํานวน 40 ครั้งมีกระทู้ถามของ สก. 53 กระทู้ เรื่องที่คณะกรรมการพิจารณาเสร็จแล้ว 54 เรื่อง เรื่องที่ผู้ว่าฯกทม.เสนอ 32 เรื่อง และมี สก.เสนอญัตติด้วยกันทั้งหมด 109 เรื่อง และเสนอญัตติด้วยวาจาท้ังหมด 23 ญัตติ นอกจากนี้ยังได้เปิดให้ประชาชน ร่วมรับฟังการประชุมสภาฯด้วย
“สภากทม.ชุดนี้มาจากการเลือกตั้งพร้อมกับฝ่ายบริหารผู้ว่าฯกทม. เรามาจากความหวังของประชาชน ก็พยายามทำนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน ในส่วนของสภากทม.มีนโยบายหลัก 5 เรื่อง ที่ผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมให้ได้ เราสก.ทั้ง 50 เขตทำงานหนักกันมากลงพื้นที่ติดตามคณะกรรมการด้านต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน และฝากไปถึงสภาผู้แทนราษฎรในการผลักดันพ.ร.บ.กฎหมายแม่ กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นในการออกกฎหมายลูกได้ เช่นเรื่องรถ EV ซึ่งเราทำไม่ได้ ในอีก 2 ปี ที่เหลือสภากทม.ก็จะพยายามผลักดันเข้มข้นขึ้น และทำงานร่วมกับฝ่ายบริหารให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน” นายวิรัตน์กล่าว
นายวิรัตน์ ยังกล่าวถึงการทำงานของสภากทม.อีกว่า ได้จัดตั้งคณะกรรมการ จำนวน 12 คณะ เพื่อร่วมติดตาม ตรวจสอบการทํางานครบทุกมิติ รวมถึงยังมีคณะกรรมการวิสามัญ ที่ตั้งขึ้นเพื่อศึกษาปัญหาเรื่องต่างๆ จํานวน 24 คณะ ขณะเดียวกันสภากทม.ได้จัดให้มีการเยี่ยมชมสภากทม. เพื่อเปิดโอกาสให้คนทํางานได้สะท้อนปัญหา อุปสรรคของการปฏิบัติหน้าที่ให้ สก.ได้รับทราบ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หาแนวทางการแก้ไข เพื่อนําไปสู่การพัฒนาให้มีประสิทธิภาพจำนวน 4 ครั้ง
อีกทั้ง สภากทม.ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานภายในและภายนอก ต่อเนื่องถึงจังหวัดปริมณฑล แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ต่อยอดการทํางาน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์โดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภคที่มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การประปานครหลวง (กปน.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) สํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)กองบัญชาการตํารวจนครบาล (บช.น.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สํานักการโยธา สํานักการจราจรและขนส่ง ขณะเดียวกันยังประสานให้สํานักการวางผังและพัฒนาเมือง (สวพ.) เข้ารับฟังความคิดเห็นของ สก. เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการปรับปรุงร่างผังเมืองรวมฉบับใหม่ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และความต้องการของประชาชน รวมถึงเชิญจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (โดยศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) เข้าชี้แจงผลการศึกษาและนําเสนอแนวทางการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจาก สก.ที่มีต่อแนวความคิดการจัดทํา (ร่าง) แผนขั้นตอนการดําเนินงาน (Road Map) เพื่อให้เกิดการทํางานที่ครอบคลุม รอบด้าน ตลอดจนการบริหารงานร่วมกันกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดปริมณฑล ซึ่งมีพื้นที่รอยต่อกับกรุงเทพฯ โดยจัดประชุมกับ 2 จังหวัด ปริมณฑล คือ จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ และร่วมกันหารือ เรื่องการจัดการน้ําท่วม น้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง และการจัดการขยะ
ในส่วนของภารกิจด้านการต่างประเทศ สภากทม.ได้เดินหน้าสานสัมพันธ์ กระชับมิตร สภาบ้านพี่เมืองน้องอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันสภากทม.ได้ทําข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างเมืองต่างๆทั้งหมด 9 ประเทศ 17 เมือง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการบริหารจัดการเมือง การท่องเที่ยว การขนส่งสาธารณะ การศึกษา การพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถนํามาปรับใช้กับการบริหารงานของสภากทม.
ทั้งนี้ ประธานสภากทม.ชุดนี้ครบวาระ 2 ปี ในวันที่ 5 มิ.ย. 2567 ซึ่งจะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเลือกประธานสภากรุงเทพมหานคร รองประธานสภากรุงเทพมหานครคนที่หนึ่ง คนที่สอง ชุดใหม่ ในวันที่6 มิ.ย. 2567 เวลา 10.00 น. โดยมีรายงานข่าวว่า ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง คือนายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา สก.เขตลาดกระบัง ประธานสภากรุงเทพมหานคร นายวิพุธ ศรีวะอุไร สก. เขตบางรัก รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่หนึ่ง และ นายฉัตรชัย หมอดี สก. เขตบางนา รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่สอง ซึ่งทั้ง 3 คนเป็น สก.สมัยแรก ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่อายุยังน้อย ในเรื่องนี้
นายวิรัตน์ เปิดเผยว่า “มุมมองส่วนตัว สก.ทุกท่านมีประสบการณ์อย่าไปดูว่าเพิ่งมาเป็น สก.ใหม่ แต่ไปดูประสบการณ์ย้อนหลังซึ่งแต่ละท่านผ่านงานบริหารมาแล้ว เป็นผู้มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพ การเป็นประธานต้องมาทำงานบริหารองค์กร ทั้ง 3 ท่านเคยได้บริหารมาแล้วก็นำมาใช้กับตำแหน่งนี้ได้ สภากทม.เรา อยู่ในมุมมืดมา 9 ปี มายุคนี้ก็เห็นว่า 3 ท่านเป็นคนรุ่นใหม่มี FC สื่อออนไลน์ เป็นภาพลักษณ์ที่ดี
ในการประชาสัมพันธ์สภากทม. ถือเป็นมิติใหม่ในการติดตามสภากทม.มากขึ้น ใครเข้ามาบริหารก็คือมาทำสิ่งที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี