แฉพฤติกรรม “พลโทกร่าง” ขับรถเฉี่ยวสาว แล้วอวดเบ่งใหญ่คับฟ้า “รู้ไหมผมเป็นใคร เดี๋ยวย้ายทั้งโรงพัก” โฆษกกลาโหมบอก อย่างน้อยเขาก็ชายชาติทหาร

วันที่ 10 มิถุนายน 2567 รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี ทหารยศใหญ่ ยศพลโทขับรถชนหญิง พร้อมด่ากราดในโรงพัก อ้างว่าตัวเองเป็นหมอ มีคนไข้รอตนเองเยอะ พร้อมทั้งขู่เจ้าหน้าที่ “รู้ไหมผมเป็นใคร เดี๋ยวจะสั่งย้ายทั้งโรงพัก”  ล่าสุดทราบว่า เป็นทหารยศพลโท เป็นหมอทหาร สังกัดสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม

คุณสร้อย ผู้ร้องเรียน เล่าเหตุการณ์ว่า ตนและทีมได้ไปออกบูธสินค้า ที่ตลาดย่านดินแดง  ทีมของตนมีรถกระบะ 2 คัน จอดริมถนนฝั่งตรงข้ามตลาด ซึ่งเป็นจุดที่จอดได้ แต่คุณสร้อยขับรถส่วนตัวไปเอง และไปจอดด้านหน้าห่างจากรถกระบะของทีมงานเล็กน้อย ตรงนั้นเป็นจุดห้ามจอด ถูกล็อกล้อ ได้ใบสั่ง แต่ทางตำรวจบอกว่ารถกระบะ 2 คัน จอดได้

เหตุการณ์มาเกิดตอนที่จัดบูธเสร็จแล้ว กำลังจะขนของกลับ รถของคู่กรณีมาจอดด้านหลัง ต่อจากรถกระบะ ขณะที่กำลังขนของใส่รถเพื่อจะกลับ ผู้ชายเจ้าของรถเก๋ง เดินสวนมาบนทางเท้า เดินเบียดเฉียดไหล่พวกตนไป เข้ามาหาเรื่อง บอกว่าพวกตนเกะกะขวางทาง ซึ่งรถที่รอขนย้ายของจอดอยู่ริมถนน ไม่ได้มีการขวางทางเลย ที่เดินทางเดินก็มีเยอะมาก จึงถามไปว่าทำไมไม่พูดดีๆ

แม้พวกตนจะพูดอธิบายดีๆ แต่ชายคนดังกล่าวก็ยังโวยวาย ด่าทอด้วยคำหยาบคาย และยังดูถูกพวกตนว่าไม่รู้กฎหมายบ้าง กระจอกบ้าง เหยียดหยามพนักงานขับรถว่าเป็นชาวประเทศเพื่อนบ้าน ต่างๆ นานา นอกจากนี้ยังใช้ตัวกระแทกชนน้องผู้หญิงในทีม พวกตนจึงบอกเขาไม่ควรทำแบบนี้ เขากลับยิ่งอวดเบ่ง บอกว่ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร เขารู้จักคนใหญ่คนโต และขับรถพุ่งเข้าเฉี่ยวน้องผู้หญิงอีกคน พอเฉี่ยวแล้ว ยังเปิดกระจกมายกมือหยาบคายใส่

หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความกับ สน.ดินแดง เจ้าหน้าที่ก็เร่งส่งสายตรวจมาในที่เกิดเหตุ และจะเชิญตัวไปโรงพัก ต้องขอชื่นชมทาง สน.ดินแดง เพราะเขาบอกเราว่า ไม่ต้องกลัวเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนใหญ่คนโตมาจากไหน เพราะเขาทำผิดกฎหมาย ตำรวจพยายามติดต่อเขามาเจรจาที่โรงพัก แต่เขาไม่ยอมมา ตำรวจจึงบอกว่า ถ้าไม่มาต้องออกหมายเรียก

ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวโกรธมากที่จะถูกออกหมาย มาอาละวาด โวยวายที่ สน.ดินแดง ด่ากราดตำรวจ อ้างว่าตัวเองเป็นหมอทหารยศใหญ่ รู้จักกับอธิบดี และทนายในต่างประเทศ จะแจ้งความพวกตน และจะฟ้องตำรวจให้โดนย้ายกันทั้งโรงพัก 

เบื้องต้น ชายดังกล่าวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ให้ความร่วมมือในการสอบปากคำ และบอกให้เจอกันในชั้นศาล

หลังเกิดเหตุ ผู้กำกับและสารวัตร สน.ดินแดง ก็บอกว่าพร้อมเป็นพยานให้ เพราะบุคคลดังกล่าวถือว่าเป็นอันตรายต่อสังคม ไม่เกรงกลัวตำรวจและสื่อ ซ้ำบอกว่าให้ไปฟ้องเลย โดยได้ถ่ายภาพพวกตนไว้ทั้งหมดแล้ว จึงเกรงว่าจะได้รับอันตราย

ขณะที่ทนายไพศาลชี้ว่า การที่อีกฝ่ายจะมาอ้างเรื่องการจอดรถกีดขวาง จอดที่ห้ามจอด หรือไม่ห้ามจอด อันนี้เป็นคดีจราจร ผู้เสียหายคือรัฐ ในเมื่อตำรวจเขาพิจารณาแล้ว รถของคุณสร้อยผิดก็โดนใบสั่ง แต่รถกระบะไม่โดนก็แปลว่าจอดได้ ไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่จะมาชี้ว่าใครผิดใครถูกแล้วไปทำร้ายเขา

การขับรถเฉี่ยวหรือชน จะอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ามีภาพวงจรปิด มีคลิปชัดๆ ว่าเขาเล็งเห็นผล จะเข้าข่ายทำให้เสียทรัพย์ หรือพยายามฆ่าเอาง่ายๆ

ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกลาโหม โฟนอินเข้ามาชี้แจงว่า ผู้ก่อเหตุเป็นทหารจริง ตรวจสอบแล้วเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ปัจจุบันช่วยราชการอยู่ที่กรมแพทย์ทหารบก 

ต่อให้เรื่องนี้จะเป็นปัญหาเรื่องส่วนตัวใดๆ ก็ตาม แต่นโยบายของ รมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำไปแล้วว่า เจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะชั้นยศไหน ก็ต้องอดทนอดกลั้น อย่าไปมีปัญหาขัดแย้งอะไรกับประชาชน 

เรื่องที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่า ถึงแม้จะมีข่าวว่ากำลังพลไปก่อเหตุนอกลู่นอกทาง แต่เราก็ต้องขอย้ำว่า หากเทียบกับประเทศอื่นๆ กองทัพไทยยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ รับมือได้

ส่วนตัวมองว่าต้องชื่นชมว่า ท่านผู้ก่อเหตุเป็นคนตรงไปตรงมา คิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร ก็ทำไปอย่างนั้น ก็คือว่าเป็นชายชาติทหาร ดีกว่าคนที่ไปโกรธอะไรจากที่อื่นมาแล้วมาลงกับคนอื่น ไปย้อนทำเขาทีหลัง อันนี้ไม่ดี ไม่อยากให้เกิดขึ้น ยืนยันว่าหลังๆ มา ทหารที่ไปก่อเหตุนอกลู่นอกทางก็น้อยลงมากแล้ว 

คุณสร้อยยังเล่าอีกว่า สารวัตรที่เป็นเจ้าของคดีนี้ ถูกนายทหารข่มขู่หนักมาก นอกจากจะขอชื่อ อ้างว่าจะไปฟ้องอธิบดีอะไรของเขาไม่พอ ยังโทรมาปั่นป่วน ถามว่ากล้าทำคดีแบบนี้ได้ยังไง เขายศใหญ่กว่า ให้ระวังตัวไว้ โทรมาไม่หยุดไม่หย่อน ทางตำรวจก็เหนื่อยใจ บอกว่า ในเมื่อมันเป็นคดีไปแล้ว ก็ควรจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย จริงๆ แล้ว ในวันเกิดเหตุ ผู้เสียหายต้องการแค่ให้ขอโทษเท่านั้นเอง แต่ในเมื่อท่านไม่ยอมขอโทษ เขาดำเนินคดี มันก็ต้องเป็นไปตามนั้น จะโทรมาข่มขู่เพื่ออะไร

คุณสร้อยยืนยันว่า หลังจากนี้ไม่รับคำขอโทษ ไม่รับกระเช้า เอาตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด ไม่สนว่าจะยศใหญ่มาจากไหน เพราะถ้าวันนี้ตนปล่อยคนแบบนี้ไป วันข้างหน้าเขาก็ไปทำกับคนอื่นอีก แล้ววันหนึ่งมันอาจจะเกิดกับคนที่เรารัก ถ้าวันไหนเขาถือปืนลงมา จะเกิดอะไรขึ้น