ผบช.ก.สั่งเด้ง5ตำรวจน้ำ
เซ่นเรือของกลางหาย3ลำ
“บิ๊กก้อง”สั่งเด้ง ผกก.ตำรวจน้ำ พร้อมลูกน้อง รวม 5 นาย ช่วยราชการศปก.บช.ก.เซ่นเรือของกลาง 3 ลำ หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ส่วน“บิ๊กเต่า”ลงพื้นที่ตรวจสอบ จ่อฟัน 18 ผู้เกี่ยวพัน คาดหนีออกนอกประเทศไปน่านน้ำประเทศกัมพูชา ด้าน ผบก.รน.ตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดแล้ว
เมื่อวันที่ 13มิถุนายน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก.กล่าวถึงกรณีเรือขนน้ำมันเถื่อน ของกลาง 3 ลำ หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ว่าได้ลงพื้นที่ไปที่สัตหีบด้วยตัวเอง และจะต้องมีการตรวจสอบ 3 ส่วน คือ 1.เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และมีการร่วมกับใครกระทำความผิดหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เป็นเจ้าหน้าที่เบียดบังทรัพย์สินเป็นของตนเองหรือของผู้อื่นโดยทุจริต และมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
2.ติดตามสถานการณ์ในการออกตามหาเรือของกลาง ว่ามีการดำเนินการไปถึงไหน อย่างไร และ 3.ในการดำเนินคดีลูกเรือทั้งหมดตามที่มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จะมีการโอนคดีไปยังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลว่ามีใครที่เกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งตามรายงานเบื้องต้นคาดว่าจะมีถึง 18 คน ทั้งนี้ ในการค้นหาเรือของกลางทางชุดค้นหากำลังดำเนินการทั้งทางน้ำและทางอากาศ อีกทั้งมีการประสานกับตำรวจกัมพูชาในการดำเนินการติดตามเรือ โดยทาง พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน.ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยจะมีการสอบสวนและดำเนินการตามข้อเท็จจริงให้ชัดเจนโดยเร็ว
ด้าน พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ กล่าวว่า สำหรับกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบมีเวลา 60 วัน แต่คดีนี้จะต้องมีการเร่งรัดให้เร็วที่สุด โดยจะเหลือเวลาสอบเพียง 30 วัน ข้อมูลบางส่วนต้องประสานกับทางประเทศเพื่อนบ้านในการติดตามเรือที่หายไป ซึ่งตอนนี้เชื่อว่าไม่ได้อยู่ในน่านน้ำไทยแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ในเขตของประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังไม่สามารถระบุได้เพราะติดกับน่านน้ำกัมพูชา และเวียดนาม
ในวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลเรือตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อความโปร่งใสทางตำรวจน้ำจะเป็นกรรมการในการสอบวินัย ส่วนคดีอาญาหรือคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทาง พล.ต.อ.จรูญเกียรติ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตัวเองแล้ว ขณะที่ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการไปยังจเรตำรวจฯ ให้ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ก็จะไม่ปล่อยไว้
“คนที่นำเรือของกลางหนี ทราบตัวอยู่แล้ว เพราะต้องมีการลงเรือเฝ้าเรือของกลาง และเรือต้องมีการวิดน้ำตลอด เพราะไม่เช่นนั้นเรือจะจม โดยจะต้องมีคนเฝ้าเรือ 3-4 คน ต่อเรือ 1 ลำ และคนเฝ้าเรือเองเป็นผู้ต้องหาในคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ศุลกากร และ พ.ร.บ.สรรพสามิต ที่มีการประกันตัวออกมา ตอนเกิดเหตุ ต้องมีการนำเรือออกจากฝั่ง เพราะคลื่นแรง หากเรือเทียบฝั่งจะเกิดการกระแทกและเป็นอันตรายได้ และแทนที่คลื่นลมสงบจะนำเรือกลับเข้าฝั่ง แต่กลับเอาเรือหนีไป”ผบก.รน.กล่าว
ทั้งนี้มีการรวบรวมข้อมูลว่ามีใครบ้างที่เฝ้าเรือ โดยจะมีการแจ้งความเอาผิดกับบุคคลเหล่านั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแจ้งความที่ สภ.สัตหีบ ในข้อหานำเอาทรัพย์สินซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจยึดไปและทำให้สูญหายหรือเสียหาย ซึ่งเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 142 ส่วนการติดตามค้นหาเรือเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการใช้กำลังจากอากาศยานของกองบินตำรวจ ช่วยเหลือในการค้นหาด้วย แต่ก็ยังไม่พบ ซึ่งวันเดียวกันนี้ ได้มีการค้นหาทางเรือ แต่ก็ยังไม่พบเช่นกัน
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ที่ 131/2567 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน.รวม 5 นาย เข้ามาช่วยราชการ โดยปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ ศปก.บช.ก.โดยให้ขาดจากต้นสังกัด มีผลนับตั้งแต่วันเดียวกันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สำหรับตำรวจ บก.รน.ทั้ง 5 นาย ที่ถูกคำสั่งให้ไปประจำการ ศปก.บช.ก.ประกอบด้วย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. พ.ต.ท.อาจินต์ วังวรรธนะ รอง ผกก.5 บก.รน.พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน.ส.ต.อ.ธรรมรัตน์ เล็กมนตรา ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน.และ ส.ต.ท.อภิชาติ จันทร์หนู ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน.ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวเป็นผลพวงจากกรณีเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทร.) กล่าวถึงกรณีเรือน้ำมัน 3 ลำ พร้อมน้ำมัน 3.3 แสนลิตรหายไปจากท่าเทียบเรือในขณะจอดไว้ที่สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ว่าทางตำรวจน้ำยังไม่ได้ประสานขอความช่วยเหลือกับทางกองทัพเรือ แต่ตนได้สั่งการให้หน่วยงานของกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ ทำทุกทางให้ช่วยหาเรือของกลางให้ได้ ทั้งส่งเรือออกลาดตระเวน และส่งสายข่าวออกสืบหาข้อมูล
ส่วนกรณีที่มีพายุจะเข้าในพื้นที่ดังกล่าว แล้วทางตำรวจน้ำได้นำเรือทั้ง 3 ลำออกจากฝั่งไปนั้น พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า ถ้ามีพายุเข้า เรือที่จอดใกล้ฝั่งใกล้ท่า จะถูกคลื่นตีเข้าฝั่ง จนอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ จึงต้องนำเรือออกไปจอดห่างออกไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี