เลขา ปปส.สั่งเพิ่มแอนตี้โดรนเสริมทัพ สกัดยาเสพติดตามแนวชายแดน หลังตรวจพบแก๊งยาบ้าส่งของทางอากาศ
วันที่ 15 มิ.ย.67 ที่ จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงานความมั่นคงตามแนวพรมแดนประเทศเพื่อนบ้าน ยังมีมาตรการเข้มอย่างต่อเนื่อง ในการสกัดกั้น ปราบปราม จับกุม ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยมีพื้นที่เป้าหมายสำคัญ ที่มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ในพื้นที่ชายแดน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมืองฯ และ อ.ธาตุพนม รวม 22 ตำบล 118 หมู่บ้าน นอกจากนี้มีจุดผ่านแดนถาวร 2 แห่ง คือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) และ ท่าเทียบเรือการท่องเที่ยว (ท่าด่าน) เทศบาลเมืองนครพนม และจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน 4 แห่ง คือ 1.จุดผ่อนปรนบ้านโพธิ์ไทร อ.บ้านแพง 2.จุดผ่อนปรนบ้านหนาด อ.เมืองนครพนม 3.จุดผ่อนปรนท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน 4.จุดผ่อนปรนธาตุพนม อ.ธาตุพนม พร้อมวางมาตรการสกัดกั้นปราบปรามจับกุมต่อเนื่อง
จากข้อมูลหน่วยงานความมั่นคง พบว่าส่วนใหญ่ยาเสพติดที่มีการทะลักนำเข้าตามแนวชายแดน อันดับ 1 ที่เป็นแชมป์ตลอดกาลเป็นยาบ้า ข้อมูลการจับกุมต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน ตรวจยึดได้เกือบ 10 ล้านเม็ด นอกจากนี้ยังมีพืชกัญชา โดยหลังมีกฎหมายปลดล็อก ถอดกัญชาออกจากยาเสพติด ประเภท 5 กลายเป็นกัญชาเสรี ทำให้ขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติ ฉวยโอกาสลักลอบขนกัญชาจากฝั่งลาว นำมาสวมสิทธิ์ตีตราเมดอินไทยแลนด์ เปิดขายทางออนไลน์อย่างโจ่งครึ่ม เนื่องจากการปลดล็อกเป็นกัญชาเสรี มีอุปสรรคในการตรวจยึด สามารถเอาผิดได้เพียงไม่ผ่านกระบวนการศุลกากร รวมถึงกฎหมายด่านตรวจพืช หากขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติ พ้นพื้นที่ชายแดนแล้ว เจ้าหน้าที่ยากที่จะเอาผิดในการดำเนินคดี ได้แต่ยืนมองตากันปริบๆ เพราะต้องผ่านกระบวนการตรวจดีเอ็นเอ จึงเป็นช่องว่างในการลอบเข้ามาขายในพื้นที่ชายแดน รวมถึง จ.นครพนม โดยเฉพาะพื้นที่บ้านดอนแพง ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง มีการจำหน่ายซื้อขายกัญชาอย่างเปิดเผย และท้าทายกฎหมายบ้านเมือง ถึงขั้นทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่มาหลายครั้งแล้ว
ล่าสุด พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ ติดตามความก้าวหน้าในการวางมาตรการเข้ม สกัดกั้นปราบรามยาเสพติดในพื้นที่ จ.นครพนม ร่วมกับ นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รวมถึงหน่วยงานความมั่นคง เนื่องจาก จ.นครพนม เป็น 1 ใน 25 จังหวัด ที่รัฐบาลเลือกให้เป็นพื้นที่นำร่อง ปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาด พร้อมใช้อำนาจทหาร หน่วยงานความมั่นคงกำกับดูแล อีกทั้งมีการตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบรามยาเสพติด สารตั้งต้น เคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 24 หรือ นบ.ยส.24 เพื่อร่วมทำงานกับหน่วยงานความมั่นคงแบบเชิงรุก ในโอกาสเดียวกันนี้ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามรับทราบปัญหา ในพื้นที่เสี่ยงอำเภอชายแดน มอบนโยบายลาดตระเวนทั้งทางบกทางน้ำ และตั้งศูนย์บำบัดฟื้นฟูคัดกรอง ทุกอำเภอในพื้นที่ของ จ.นครพนม
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ได้เปิดเผยถึงประเด็นสำคัญ พร้อมมอบนโยบายให้หน่วยงานความมั่นคง สั่งจับตาพื้นที่ชายแดน เกี่ยวกับปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด เนื่องจากมีข้อมูลพบว่า มีการพัฒนาใช้เทคโนโลยีโดรน (Drone) เข้ามาใช้ในการลักลอบขนส่งยาเสพติดทางอากาศในพื้นที่ชายแดน รวมถึงมีการลักลอบขนแบบกองทัพมด พร้อมจะสนับสนุนงบประมาณ จัดหาอุปกรณ์เสริมการทำงาน ทั้ง กล้องตรวจจับลาดตระเวนเวลากลางคืน เครื่องเอกซเรย์ รวมถึงเครื่องแอนตี้โดรน (Anti-Drone) เพื่อหาแนวทางสกัดกั้นปราบปราม ขั้นเด็ดขาด รวมถึงเน้นทางความร่วมมือภาคประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล
โดยมีข้อมูลเมื่อต้นเดือนมิถุนายนว่า หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.นครพนม ได้ตรวจจับสัญญาณโดรนต้องสงสัยได้ที่ฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณ ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม บินข้ามเข้ามายังฝั่งไทยช่วงตอนกลางคืน และบินไปถึงพื้นที่ อ.เรณูนคร ก่อนจะบินกลับไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ใช้เวลาบินไป-กลับประมาณ 20 นาที คาดขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ใช้โดรนทางการเกษตร ที่สามารถใส่ยาเสพติดได้หลายกิโลกรัม ลำเลียงไปยังจุดนัดหมาย จากเหตุการณ์ดังกล่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงกับต้องลงตรวจพื้นที่อย่างเร่งด่วน ประกอบกับพื้นที่ จ.นครพนม เป็นพื้นที่สีแดงทั้งจังหวัด ที่ห้ามบินโดรนทุกชนิด ถ้ามีความต้องการขึ้นโดรน ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี