ย้ายจอดที่ปลอดภัย
ของกลางเรือน้ำมันเถื่อน2ลำ
อีก3ลำคาดหนีไปประเทศที่3
“บิ๊กเต่า” เผยข้อมูลล่าสุดพบเรือบรรทุกน้ำมัน 3 ลำที่หายไปไม่ได้อยู่ในกัมพูชา คาดหลบหนีไปประเทศที่ 3ขณะที่อีก 2 ลำ ย้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัยป้องกันการล่องหนซ้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้ากรณีที่กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) รายงานว่าเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จนมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. จำนวน 4 นาย ย้ายมาช่วยราชการ ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ ศปก.บช.ก. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด มีผลนับตั้งแต่วัน 13 มิถุนายนที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีการนำเสนอข่าวบริเวณบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสัตหีบ พบถังน้ำมันขนาดใหญ่วางอยู่ด้านหลัง และยังพบถังน้ำมันเล็กอีกหลายถัง และจะเกี่ยวข้องกับการหายไปของเรือบรรทุกน้ำมันของกลางที่หายหรือไม่นั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 15 มิถุนายน พ.ต. อ.ขจรยศ ทรงประดิษฐ์ ผบ.เรือ (สบ 4) กรต.บก.รน. รักษาการผู้กำกับสถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ (ตำรวจน้ำศรีราชา) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงกรณีถังน้ำมันและท่อน้ำและท่อน้ำมัน ว่า สำหรับถังน้ำมันขนาดใหญ่ที่อยู่หลังบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสัตหีบนั้น เป็นถังน้ำมันที่เป็นถังน้ำมันสำรองของตำรวจน้ำเอาไว้ใช้ในภาระกิจสำคัญโดยเฉพาะการเดินเรือในระยะไกลหรือไปหลายวัน และไม่ใช่น้ำมันของกลางของเรือ 3 ลำ
ซึ่งในส่วนของหน่วยที่มีท่าเทียบเรือใกล้ ๆ ก็จะขอติดตั้งไม่ว่าจะเป็นถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 15,000 ลิตร เพื่อเอาไว้เป็นถังรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำส่งขากคลังน้ำมันมายังตำรวจน้ำก่อนนำส่งต่อผ่านท่อไปยังท่าเทียบเรือ เข้ามิสเตอร์ที่ติดตั้งบริเวณท่าเทียบเรือก่อนจะส่งต่อลงเรือตามลำดับ ทั้งนี้หากมิสเตอร์เสียก็ซ่อมบำรุงปกติและหากจะเปลี่ยนตำรวจน้ำไม่สามามรถเปลี่ยนเองได้จะต้องทำหนังสือแจงไปที่ ปตท.เพื่อให้ปตท.ดำเนินการติดตั้งให้ใหม่ ส่วนภาพที่ปรากฎเกี่ยวกับการขนน้ำมันเข้ามาต้นทางน้ำมันที่ขนมานั้น เมื่อมีการจัดซื้อน้ำมันจากปตท. เขาจะโอนน้ำมันมาให้กับสถานี โดยจะมีรถน้ำมันวิ่งจากคลังน้ำมัน irpc นำมาส่งที่ตัวถังของสถานี เมื่อน้ำมันอยู่ในถังแล้วก็จะเป็นกระบวนการส่งต่อน้ำมันมาที่มิสเตอร์บริเวณสะพานก่อนนำจ่ายต่อไป
ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับน้ำมันของกลางแต่อย่างใด ด้วยพื้นที่ที่ดูแลของกลางมีกล้องวงจรปิด หากมีการน้ำมันของกลางออกไปก็จะถูกบันทึกด้วยกล้องวงจรปิด อีกทั้งการตรวจสอบตำรวจน้ำในการดูแลรักษาของกลางก็จะมีหน่วยงานปอศ.และกรมศุลกากร มาตรวจสอบว่าน้ำมันของกลางยังอยู่ในสภาพเดิมและจำนวนครบตามบัญชีของกลางหรือไม่
ด้าน “ไทยพีบีเอส” รายงานบรรยากาศตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่สถานีตำรวจน้ำ สัตหีบ พบว่ายังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งจากการสอบถามชุดทำงานระบุว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องตรวจสอบ แต่ยังไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ เพราะเกรงว่าจะกระทบกับรูปคดี
มีข้อมูลว่า พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อหารือและขอความร่วมมือในการติดตามเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำที่หายไป แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลแต่อย่างใด
ทีมข่าวสอบถามความคืบหน้าของคดีกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ผลการหารือพบว่าเรือบรรทุกน้ำมันทั้ง 3 ลำไม่ได้อยู่ในประเทศกัมพูชา โดยคาดว่าได้หลบหนีไปประเทศที่ 3 แล้ว ส่วนจะมีการถ่ายน้ำมันและทำลายเรือหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูล
ส่วนเรือของกลาง 2 ลำ พร้อมลูกเรือ 5 คนที่ยังจอดเทียบท่าอยู่ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า ได้สั่งการให้เคลื่อนย้ายเรือของกลางทั้ง 2 ลำไปจอดที่อื่นแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ซึ่งจากการสังเกตของทีมข่าวพบว่าเรือตำรวจน้ำหมายเลข 632 ได้เปลี่ยนฝั่งจอดเทียบท่ามาประกบกับเรือของกลางทั้ง 2 ลำแทน
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่า การหลบหนีของเรือทั้ง 3 ลำมีการติดสินบนค่าปล่อยเรือ ลำละ 6 ล้านบาท ก่อนท้ายที่สุดจะตกลงกันที่การจ่ายเงิน 1 ล้านบาทและปล่อยให้นำเรือออกไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งคดีนี้ไม่น่าใช่เรื่องของความพยายามติดสินบน แต่เป็นเรื่องที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่ แต่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ แต่หากพบมีการติดสินบนจริง ๆ ก็จะจัดการเรื่องนี้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับน้องชายนายสหชัย หรือ โจ้ ปัตตานี ที่เป็นเจ้าของเรือน้ำมัน 3 ลำ พร้อมน้ำมัน 330,000 ลิตรที่หายไป โดยระบุว่า ไม่ได้ติดต่อพี่ชายมาหลายปีแล้ว เคยพยายามตามหาแต่ก็หาไม่พบ ส่วนเรื่องธุรกิจน้ำมันของพี่ชายไม่ทราบรายละเอียด
เมื่อถามถึงกระแสเรือของกลางอีก 2 ลำที่ถูกอายัดและจอดเทียบท่าสะพานท่าเรือตำรวจน้ำ สัตหีบ น้องชายนายสหชัย ยืนยันว่า ไม่ใช่ของตัวเอง ไม่รู้ของใครและยังสงสัยว่าใครเป็นคนให้ข้อมูล จึงต้องการขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศล่าสุดในพื้นที่เกาะกูด ยังคงไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรือน้ำมันเถื่อนที่หายล่องหน โดยชาวประมงเกาะกูด ได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ช่วงที่เรือน้ำมันได้หายจากสัตหีบ และมีข่าวว่ามาจอดบริเวณหลังเกาะช้าง และเกาะรัง ซึ่งเป็นข่าวมาจากทางเกาะช้าง ชาวประมงพื้นบ้านบอกว่า วันที่เรือน้ำมันหาย เป็นช่วงทะเลมีคลื่นลมแรง หากเรือจอดที่เกาะรังจริง จะไม่ผ่านเกาะกูด จะแล่นออกด้านนอก และเข้าน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านเลย จะไม่ได้จอดบริเวณเกาะกูดอย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี