ลูกเรือ น้ำมันเถื่อน 11 คน เข้ารายงานตัวตำรวจ ปอศ. เผยเตรียมถอนประกัน พร้อมออกหมายจับ 15 ลูกเรือตัวแปรสำคัญเรือของกลางหาย
วันที่ 17 มิถุนายน 2567 เมื่อเวลา 10.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มลูกเรือน้ำมันเถื่อน จำนวน 11 คน พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ. และ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. เพื่อเข้าให้ปากคำตามหมายเรียกเกี่ยวกับกรณีเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำหายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี
พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียก ลูกเรือ น้ำมันเถื่อน ที่ถูกจับกุม เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา 5 ลำ รวม 28 คน ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างด้าว โดยเป็นการออกหมายเรียกผ่านนายประกัน เพื่อให้นายประกัน ติดตาม และนำตัวลูกเรือ ทั้งหมดมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน เพื่อคัดกรอง และตรวจสอบจำนวนลูกเรือที่ยังอยู่ในประเทศ และจำนวนผู้ต้องหาที่หลบหนี ซึ่งเบื้องต้น พบว่ามีลูกเรือ หลบหนี ไปกับเรือทั้ง 3 ลำ จำนวน 15 คน และยังอยู่ในประเทศอีก 13 คน โดยในจำนวน 13 คนนายประกันสามารถนำตัวมารายงานตัวในวันนี้ได้จำนวน 11 คนส่วนอีก 2 คน เป็นคนไทย 1 คน เมาหลับอยู่ในเรือ จึงไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ และต่างด้าวอีก 1 คน ยังคงอยู่ในพื้นที่ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขอให้นายประกันเร่งติดตามตัว ผู้ต้องหาทั้งสองคนที่ไม่ได้มารายงานตัวในวันนี้ ให้เร่งนำตัวมาพบพนักงานสอบสวนโดยด่วนเพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิ์การประกันตัว
“ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 15 คนที่หลบหนีไปพร้อมกับเรือทั้ง 3 ลังพนักงานสอบสวนปอศ.เตรียมถอนประกัน เนื่องจากผิดสัญญาประกัน พร้อมทั้งเตรียมออกหมายจับฐานหลบหนีประกันตัว ซึ่งนายประกันจะต้องทำหน้าที่ เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ได้ ในส่วนของคดี ขโมยเรือ เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจกองปราบปราม ซึ่งคาดว่าตำรวจกองปราบ จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนขยายผลว่ามีใครอยู่เบื้องหลังและมีใครมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าวบ้าง ส่วนคดีการจับกุมเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นความผิดเกี่ยวกับ ภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร ซึ่งคดีดังกล่าว ถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักร แต่กระทำผิดตามกฎหมายไทย ดังนั้นเข้ามาร่วมทำการสอบปากคำด้วย
สำหรับกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ตำรวจให้ประกันตัวลูกเรือทั้ง 28 คน ในวงเงิน 3 ล้านบาทก่อนหน้านี้จนก่อให้เกิดปัญหาการหลบหนี พ.ต.อ.ชัชวาล ชี้แจงว่า ในกรณีดังกล่าว เป็นมติของที่ประชุมใหญ่ ที่มี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไกรบุญทรวดทรง ประธานศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามน้ำมันเถื่อนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปนม.ตร มีมติร่วมกันว่าให้ประกันตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกเรือทั้ง 28 คนได้เนื่องจากเรือ 3 ลำ ทั้งหมด 5 ลำมีปัญหาน้ำรั่วเข้าลำเรือซึ่งต้องทำการดูดน้ำออกจากเรือตลอดเวลา หากไม่ดำเนินการดังกล่าว ทำให้เรือล่มได้และน้ำมันจะรั่วไหลลงทะเลส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และจะเกิดความเสียหายมหาศาล ซึ่งในกรณีนี้ ทางด้านของทนายความ ได้นำหลักทรัพย์จำนวน 3 ล้านบาทมายื่นขอประกันตัวลูกเรือพร้อมให้สัจจะวาจาว่าจะควบคุมดูแลลูกเรือซึ่งเป็นผู้ต้องหาทั้งหมดและจะให้ลูกเรือทั้งหมด เป็นผู้ดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดจะต้องให้ลูกเรือเป็นผู้ดูแลเรือทำไมเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ดำเนินการควบคุมดูแลเรือด้วยตนเองซึ่งน่าจะมีความรู้ความสามารถมากกว่าทางด้านของ พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าวว่า การควบคุมเรือ แต่ละลำจะต้องใช้เจ้าหน้าที่รัฐลำละ 4 คนต่อผลัด 1 วันมี 4 ผลัด รวม 16 คนต่อเรือ 1 ลำ เรือมีทั้งหมด 5 ลำจะต้องใช้กำลังพลจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งการใช้ คนของเขาดูแลเรือของเขาเอง จะดีกว่าซึ่งเป็นผู้ที่รู้เรื่องระบบกลไกภายในเรือดีกว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้น ส่วนกรณีของลูกเรือทั้ง 15 คนที่หลบหนีไปพร้อมเรือทั้ง 3 ลำนั้น ขณะนี้ ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้จนกว่าเรือทั้ง 3 ลำจะถูกชักรากกลับมาเข้าฝั่งไทย และทำการสอบปากคำทั้งหมดเสียก่อน จึงจะทราบถึงสาเหตุ ของการหลบหนีดังกล่าว
“ส่วนความเชื่อมโยงกับนายทุนชื่อ จ. ในคดีเดิมนั้น ในการสอบครั้งแรกมีการส่งทนายความมานั่งประกบผู้ต้องหาจำนวนมาก และนายประกัน ทนายความไม่ยอมให้ข้อมูลกับตำรวจว่าเงินสำหรับประกันตัวนั้นได้มาจากที่ใด แต่ยืนยันว่าตำรวจได้ทำสำนวนอย่างลึกและละเอียด แต่ไม่ขอเปิดเผยเรื่องในสำนวนมากนัก เพราะอาจกระทบต่อรูปคดี แต่ขอให้เชื่อในกระบวนการยุติธรรมซึ่งทั้งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและอัยการสูงสุดทำอย่างเต็มที่ร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ ตั้งแต่เรือหายไปทางผู้บังคับบัญชาก็ได้เข้ามาตรวจสอบสำนวนซึ่งยังไม่พบว่ามีส่วนใดที่บกพร่องมีเพียง การควบคุมเรือเท่านั้นที่บกพร่องซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว
ทั้งนี้ สำหรับแนวทางการสืบสวนที่ผ่านมา ยังไม่ชัดเจนแน่ชัดว่าเป้าหมายคือเรือหรือน้ำมัน ส่วน 15 คนที่หลบหนีไป หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลากเรือไปก็จะถูกเพิ่มโทษในข้อหาเกี่ยวกับการลักทรัพย์ หรือป.อาญา 142 ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวนในคดีหลักพิสูจน์จากพยานหลักฐานเช่นวงจรปิดจากท่าเรือ และการพิสูจน์ผู้ที่มีส่วนร่วมกับการนำรถของกลางออกไป อย่างไรก็ตามการที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้นานขนาดนี้ มีคำถามที่ต้องตอบว่า เกิดจากผู้ต้องหาอย่างเดียวหรือไม่ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ หรือ ทุกอย่างประกอบกัน
ส่วนการประสานติดตามตัวนาย จ.กลับมานั้นให้เป็นหน้าที่ของทางกองปราบ และที่ผ่านมามีการประสานข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ในคดีกับทางกองปราบโดยตลอด แต่เรามีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลบางอย่างไว้เนื่องจากเชื่อว่าทางผู้กระทำความผิดเป็นผู้อิทธิพล และไม่แน่ใจว่าคนรอบตัวอยู่กับเขาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ส่วนการจับกุมในคดีแรกนั้น ทางศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน (ศ.ปนม.ตร.) ได้สั่งการให้ตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าที่อีกหลายส่วนเข้าจับกุมโดยใช้เรือของตำรวจน้ำ เมื่อจับคนได้จึงคงเรือเข้ามาเทียบท่าที่ถ้าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบจังหวัดชลบุรี และส่งไปดำเนินคดีที่ กก.2 บก.ปอศ.เพราะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเกี่ยวกับการลักลอบ นำเข้าและเกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากรเป็นหลัก ซึ่งเป็นการจับกุมในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลมาก ห่างจากเส้นฐาน 200 ไมล์ทะเล เทียบหรือเทียบเป็นกว่า 100 กิโลเมตรบนบก จึงดำเนินการในคดีนอกราชอาณาจักร ส่วนเขตราชอาณาจักรไทยอยู่ที่ประมาณ 12 ไมล์ทะเล
เชื่อว่ากลุ่มนี้มีผู้ให้คำแนะนำในการลักลอบทำผิดกฎหมายเป็นอย่างดี คือให้โยกย้ายขนถ่ายน้ำมันในพื้นที่ที่ไกบมาก ทำให้การลงครั้งนี้ต้องมีการปรึกษากับทางอัยการ อย่างรอบคอบเพื่อทำสำนวนให้มีความละเอียดรัดกุมมากที่สุด เบื้องต้น ผู้กล่าวหามองว่าน่าจะนำน้ำมันมาจำหน่ายในประเทศไทย และมีพยานหลักฐานประกอบในสำนวนด้วย ทั้งนี้ สำหรับคดีนอกราชอาณาจักรคดีแรกนั้น ทาง กก.2 บก.ปอศ. จะต้องสรุปสำนวนภายในหกเดือนซึ่งขณะนี้ผ่านมาแล้วสองเดือน
ภายหลังผู้ต้องหาทั้ง 11 คน เข้ารายงานตัวกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ตัวแทนนายประกันผู้ต้องหา เปิดเผยว่า วันนี้มาในฐานะตัวแทนพาผู้ต้องหามารายงานตัวเพื่อไม่ให้ถูกถอนประกันในคดี ส่วนกรณีผู้ต้องหาถูกตำรวจกองบังคับการการปราบปรามสอบสวนเกี่ยสกับคดีการลักเรือนั้น ยังไม่ทราบในรายละเอียดเชิงลึก ส่วนคนเรืออีก 2 คนที่อยู่ในพื้นที่ อำเภอสัตหีบ ตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้
พันตำรวจเอกชัชวาล ชูชัยเจริญ ผู้กำกับการ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ) เปิดเผยว่า กรณีผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่ไม่ได้มาวันนี้ เท่าที่พูดคุยกับนายประกันแล้ว เบื้องต้นได้ถอนประกันตัวทั้ง 2 คน เตรียมพิจารณาออกหมายจับพร้อมผู้ต้องหาที่หลบหนี 15 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี