“บิ๊กเต่า” จ่อ ประสานตำรวจอินเตอร์โพล ออก “หมายแดง” ล่าตัว “เสี่ย จ.” กับผู้จัดการ “เล็ก” บงการขบวนการขนน้ำมันเถื่อนนัดถกคณะทำงาน 24 มิถุนายนนี้
ด้านจเรตำรวจฯ สั่งปลดตำรวจ มีแชทหลุด คุยแก๊งค้าน้ำมันเถื่อน มั่นใจ บช.ก. สอบสวนคดีเป็นธรรม ขณะที่ “ชัยชนะ” ปูด รอง ผกก.ตำรวจน้ำ ชื่อย่อ “ส.” เอี่ยวค้าน้ำมันเถื่อนอีกเคส โดยพบเรือต้องสงสัย 3 ลำ จอดในน่านน้ำแม่น้ำปากพนัง จี้ ผบช.ก.เร่งสอบสวนด่วน
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีลักเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ ไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ว่าแม้ขณะนี้สามารถตามยึดเรือของกลางกลับมาได้แล้ว แต่การดำเนินคดียังต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อขยายผลเอาผิดผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ จะประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยหารือร่วมกับ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.รวมถึงตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดทิศทางและทำสำนวนคดีให้มีความแน่นหนามากขึ้น ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าทุกอย่างจะมีความชัดเจนมากขึ้น
“ส่วนกรณีที่นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนฯ เปิดเผยข้อมูล พร้อมเรียกร้องให้ตรวจสอบตำรวจน้ำ ระดับรอง ผกก.รายหนึ่ง มีอักษรย่อ ส.ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนนั้น ในส่วนนี้ยังไม่ทราบข้อมูลเท่าใดนัก ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ขอพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงก่อน” รอง ผบช.ก.กล่าว
มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับแนวทางคดีน้ำมันเถื่อนที่ชุดคลี่คลายคดีของ บช.ก.ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เป็นการสืบสวนขยายผลหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเอาผิดผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หรือตัวการสำคัญของขบวนการ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วยส่วนแรก คือการเร่งเอาผิดตัวการสั่งการให้ลูกเรือขโมยเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง และส่วนที่ 2 คือเร่งรัดเอาผิดตัวการที่อยู่เบื้องหลังขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ทั้ง 5 ลำ ซึ่งทั้ง 2 กรณี พบว่ามีความเชื่อมโยงถึงกัน เนื่องจากกลุ่มพยานและผู้ต้องหาเป็นกลุ่มคนเดียวกัน
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในส่วนของการสืบหาพยานหลักฐานความเชื่อมโยง ตัวการหลักของทั้ง 2 กรณี จากแนวทางสืบสวนพบความเชื่อมโยงหลายอย่างที่เชื่อมไปถึงตัวการหลัก คือเสี่ย จ.กับผู้จัดการเล็ก ว่าเป็นผู้สั่งการ หรืออยู่เบื้องหลังของทั้ง 2 คดี ซึ่งทางชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวคาดว่าจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับบุคคลทั้ง 2 ได้ ภายในสัปดาห์หน้า
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หากศาลพิจารณาออกหมายจับตามที่พนักงานสอบสวนได้ร้องขอ ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี ก็จะเร่งประสานตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล รวมทั้งประสานกับทางกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อออกเป็นหมายแดง ก่อนจะประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่เชื่อว่าบุคคลทั้ง 2 หลบหนีไปกบดานหรือซ่อนตัวอยู่ เพื่อขอให้ช่วยติดตามจับกุมตัว แล้วนำเข้าสู่ขั้นตอนการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน กลับมาดำเนินคดีและรับโทษในประเทศไทย
ด้าน พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปนม.ตร.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้เข้ารายงานความคืบหน้าทางคดีและการตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทราบแล้ว ซึ่งนายกฯ ได้กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันว่าจะดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกนายอย่างถึงที่สุด
พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ดูแลทั้ง ศปนม.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ขอใช้เป็นหลักประกันว่าจะไม่นำเรื่องนี้มาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานว่าไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ และตั้งแต่ตนเข้ารับตำแหน่ง ก็จัดเก็บภาษีน้ำมันได้มากขึ้นกว่า 100% แสดงให้เห็นว่าน้ำมันเถื่อนลดลง ส่วนการป้องกันการขนย้ายน้ำมันทางบก ได้เชิญผู้ประกอบการมาร่วมหารือ โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอเอกสารตารางการเดินรถทุกเส้นทาง เพื่อให้มีข้อมูลตั้งต้น ว่ารถบรรทุกน้ำมันแต่ละคัน เมื่อออกมาจากแท่นเติมน้ำมันแล้ว มีน้ำมันจำนวนเท่าใด ใช้เส้นทางไหน โดยทุกคันจะต้องผ่านจุดชั่งน้ำหนักของกรมทางหลวง แล้วมีการรายงานมาที่ ศปนม.ตร.เพื่อติดตามระยะทาง และปริมาณน้ำมัน ตลอดระยะทางในการขนส่ง
พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวอีกว่า ในส่วนของแชทสนทนาระหว่างตำรวจกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ที่มีการเผยแพร่ออกมา ยอมรับว่ายังไม่ได้ดูรายละเอียด ว่าเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับอะไร แต่ที่ระบุว่าว่ามีการสั่งให้เจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นเรื่องจริง ส่วนบุคคลที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จะมีความเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ต้องรอการตรวจสอบจาก บช.ก.ที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว
จเรตำรวจฯ กล่าวว่า ยุคของตนจะต้องไม่มีเรื่องการทุจริต การเรียกรับผลประโยชน์ กรณีนี้ขอให้เชื่อใจ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ว่าจะสามารถสอบสวนให้เกิดความสุจริตและเป็นธรรมได้ แต่หากพบว่าการสอบสวนไม่ตรงไปตรงมา ตนจะนำจเรตำรวจ เข้าไปตรวจสอบเอง และจะสั่งปลดหัวหน้าชุดตรวจสอบ รวมถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ และมอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าไปจัดการแทน พร้อมย้ำว่าเขามีหน้าที่ต้องเก็บกวาดบ้านของเขา คงต้องขอให้เขามีเวลาได้ทำงานก่อน
ขณะที่การติดตามเส้นทางเรือขนาดใหญ่ ที่ชื่อว่า “เคนาย” (k9) ซึ่งรับขนถ่ายน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลางทั้ง 3 ลำนั้น พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวยอมรับว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าเรืออยู่ที่ไหน ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้อยู่ในน่านน้ำไทย และอยู่ไกลมาก โดยอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนและขยายผล ซึ่งจะกวาดล้างให้หมด
วันเดียวกัน นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนฯ กล่าวถึงเครือข่ายน้ำมันเถื่อน ว่าเรื่องเรือน้ำมันเถื่อน ยังมีผู้กระทำความผิดอีกหลายคน จึงอยากให้ตำรวจได้ตรวจสอบอย่างจริงจัง เพราะนี่คือผลประโยชน์ของประเทศชาติ หากไม่จริงจังต่อการปราบปรามน้ำมันเถื่อน ประเทศชาติจะเสียหายอีกเยอะ และขอให้ติดตามให้ดี เนื่องจากทราบว่ายังมีตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องอีกหลายคน
ทั้งนี้ นายชัยชนะ ได้ฝากให้ไปตรวจสอบ รอง ผกก.สังกัดตำรวจน้ำ ที่มีอักษรย่อ ‘ส.’ ตอนนี้ไม่ทราบว่าตำแหน่งอยู่ที่สงขลา หรือสุราษฎร์ธานี แต่ทราบว่ามีบ้านพักอยู่ใน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือน้ำมันเถื่อนอยู่ แต่เป็นคนละเคสกับที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับยอมรับว่าเป็นรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อน และรอง ผกก.รายดังกล่าว มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง
“มีการรายงานมาถึงผม ว่ามีเรือต้องสงสัยจอดอยู่ในน่านน้ำแม่น้ำปากพนัง 3 ลำ มีเรือลำหนึ่งชื่อเฟื่องฟ้า ขอให้ไปตรวจสอบดูว่าเรือลำดังกล่าวเกี่ยวข้องกับน้ำมันเถื่อนหรือไม่” นายชัยชนะ กล่าวและว่า ยังไม่ทราบว่าเจ้าของเรือเป็นผู้มีอิทธิพลขนาดไหน แต่ รอง ผกก.รายนี้ เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี