คาใจผลสอบ‘บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก’
กมธ.ตร.ออกโรง
จี้ต้องเผยรายละเอียดให้ชัด
ย้ำชาวบ้านอยากรู้มากกว่านี้
นายกฯปัดปล่อยปละละเลย
ขอดูข้อเท็จจริงก่อนเปิดเผย
ประธาน กมธ.ตำรวจ สภาฯ จี้นายกฯ เผยผลสอบ “2 บิ๊ก ตร.” ให้ชัด ไม่ใช่แค่ให้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้าน “เศรษฐา” วอนอย่าเพิ่งด่วนสรุปผลสอบ “บิ๊กตำรวจ” ให้รอรายละเอียดในคำสั่ง ยันไม่ปล่อยปละละเลย แต่รับทำประชาชนเสื่อมศรัทธาต้องเร่งกอบกู้คืน
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี ผลสอบสองบิ๊กตำรวจ ที่นายกรัฐมนตรี ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า คิดว่าการแถลงเมื่องวันที่ 20 มิถุนายน เป็นการแถลงมีคำสั่งให้ ผบ.ตร.กลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่มองว่าสิ่งที่คณะกรรมการยังไม่แถลงคือ ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร โดยต้องรอคณะกรรมการแถลงผลอีกครั้งว่าผลในการสอบเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีแค่แถลงว่าให้กลับไป แต่ไม่ทราบผลในการตรวจสอบ ดังนั้นก็รอผลตรวจสอบข้อเท็จจริง เท่าที่จำได้นายกรัฐมนตรี บอกว่าในส่วนคดีอาญาให้ไปว่ากันอีกครั้ง ส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่ประชาชนรอคอย คือผลที่คณะกรรมการไปทำงานมาตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนนี้ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้จะเป็นอย่างไร ประชาชนต้องการทราบเรื่องนี้มากกว่า
ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่า ผลการตรวจสอบที่ออกมาดูไม่ค่อยมีความชัดเจน และไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด จะมองว่าเป็นการเกี๊ยะเซี้ยะกันหรือไม่ นายชัยชนะ มองว่า ไม่ใช่การเกี๊ยเซี้ยะ แต่มองว่าคณะกรรมการชุดนี้ ที่มี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นคณะกรรมการตรวจสอบ ก็ต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงให้สังคมได้ทราบ เชื่อว่าสังคมติดตามว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร ตนเองคิดว่าเร็วๆ นี้ คณะกรรมการจะออกมาแถลงให้ทราบ เพราะว่าถ้าตรวจสอบไปแล้วไม่แถลงจะตรวจสอบทำไม ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะฟ้องนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องไปถามเจ้าตัว
เชื่อความขัดแย้งต้องยุติ
ส่วนจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในองค์กรได้หรือไม่ นายชัยชนะ บอกว่า ความขัดแย้งทุกองค์กรมีหมด แต่หลังจากเมื่อวานนี้ มีคำสั่งให้กลับไปปฏิบัติราชการ และได้กำชับห้ามสร้างความขัดแย้งภายในองค์กรอีก ซึ่งมองว่าเมื่อเวลาขัดแย้งกัน บุคคลก็จบที่เกษียณอายุราชการ แต่องค์กรยังอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าทำลายองค์กร เพราะเป็นองค์กรที่ต้องอยู่ไปอีกนาน ตนเองคิดว่าความขัดแย้งในองค์กรตำรวจที่เกิดขึ้นก็ต้องยุติ สิ่งที่ตำรวจค้องทำคือเป็นที่พึ่งให้ประชาชน
นายชัยชนะ ยืนยันกรรมาธิการการตำรวจ ต้องติดตามถึงความชัดเจนกรณีเว็บพนัน แต่เมื่อมีคณะกรรมการตรวจสอบก็ต้องรอข้อเท็จจริงคณะกรรมการในการพิจารณาสรุปให้แล้วเสร็จก่อน เชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีคำตอบอยู่แล้ว แต่เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการกลับไปปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังไม่พูดในเรื่องนี้ จึงต้องรอความชัดเจนจากนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม กระแสข่าว พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ จะลาออก ก็ต้องไปถามเจ้าตัวเอง
เสียเวลาประชาชน
ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ระหว่างพล.ต.อ.ศักดิ์ สุขวิมล กับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล สรุปว่า มีความขัดแย้งกันจริงในหลายระดับมานาน และนายกรัฐมนตรี ได้ส่งตัวพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไปปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร.ตามเดิม เพราะไม่มีอะไรจะสอบสวนต่อแล้วนั้น ว่า การสรุปผลการสอบสวนดังกล่าวเหมือนใช้กำปั้นทุบดิน เพราะที่ไหนที่ไหนก็มีความขัดแย้งกันทั้งนั้น ถ้าสรุปแค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้เสียเวลา และไม่สามารถตอบคำถามประชาชนได้ว่า นายกฯ ตั้งขึ้นมาทำไม ถ้าต้องการคำตอบเพียงเท่านี้ เสียสมอง เสียเวลาประชาชน
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า ปัญหาทั้งปวงเกิดจากความเข้าใจผิดของคณะกรรมกฤษฎีกาในการไปตั้งข้อสังเกตเรื่องการที่ รรท.ผบ.ตร.สั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ว่ากระบวนการยังไม่สมบูรณ์ในการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะจะต้องรอให้คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเสนอความเห็นก่อน
อย่าให้เกิดความเสียหาย
“แต่แท้จริง การสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนกรณีดังกล่าว เนื่องจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาร้ายแรง เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจ มาตรา 131 และมีตำรวจอีก 4 คนที่ถูกสั่งให้ออกไว้ก่อนไปแล้วในคำสั่งเดียวกันที่ผู้บังคับบัญชาสามารถสั่งได้ ถือเป็นกระบวนการทางปกครองเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการระหว่างรอผลการสอบสวนความผิดทางวินัยที่จะต้องสั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก”
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวอีกว่า การอ้างมาตรา 120 ว่าจะต้องให้คณะกรรมการสอบสวนเสนอความเห็นก่อนและจะกระทำการใดที่กระทบสิทธิประโยชน์ของผู้ถูกสอบสวน เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะนั่นเป็นกรณีทำผิดวินัยร้ายแรงโดยไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาอะไร เช่นท้าตีท้าต่อยผู้บังคับบัญชา หรือว่าทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหายร้ายแรง ฯลฯ จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยเสนอความเห็นก่อน
ส่วนกรณีตำรวจกระทำความผิดทางอาญาร้ายแรงจนถึงขั้นถูกแจ้งข้อหาหรือศาลออกหมายจับ ถือว่าผ่านการสอบสวนตาม ป.วิ อาญา และมีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่ากระทำความผิดระดับหนึ่งแล้ว มาตรา 131 จึงบัญญัติไว้ให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับมีอำนาจสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อราชการ หรือมีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ไปในทางมิชอบเป็นการชั่วคราวระหว่างรอผลการสอบสวนทางวินัยสั่งไล่ออก หรือปลดออกจากราชการ
เศรษฐาขออ่านรายละเอียดก่อน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงนามคำสั่ง ให้พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กลับคืนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผลสอบที่ออกมา ประชาชนค่อนข้างผิดหวัง เนื่องจากอยากให้มีการลงโทษ ว่า “ขอดูคำสั่งก่อน ว่าส่วนที่สามารถออกสู่สาธารณชนได้มีเนื้อหาอย่างไร ให้พวกคุณอ่านผลสอบว่าเป็นอย่างไร อย่าเพิ่งไปหาบทสรุปเร็วขนาดนั้นเลย”
ส่วนภาพลักษณ์วงการตำรวจที่กระฉ่อนในทางลบ ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะล้างทำความสะอาดบ้านหลังนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าปัญหาในองค์กรมีอยู่แล้ว ต้องยอมรับว่าตอนที่ตนเข้ามาพยายามที่จะสะสาง พยายามที่จะบริหารจัดการ เรื่องที่เป็นปัญหาที่เบอร์ 1 เบอร์ 2 ทะเลาะกัน เมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ก็มีการสั่งการ จึงมีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบ หาข้อเท็จจริงต่างๆ วันนี้มาถึงจุดที่ใกล้จะจบแล้ว ต้องทำอะไรบ้างขออีกนิดนึง ให้ผลออกมา แล้วค่อยมาพูดคุยกันใหม่ดีหรือไม่ เรื่องของปัญหาเราทราบดีอยู่แล้ว เราไม่ได้ปล่อยปละละทิ้ง ละเลย
เมื่อถามย้ำว่า จะสามารถเรียกศรัทธาประชาชนกลับมาได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าต้องใช้เวลา ทั้งนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองคน แต่มีขบวนการตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเป็นนายกฯ แล้วจะทำได้ทุกอย่าง ก็ต้องให้ให้เกียรติกับคู่กรณี หรือคนที่ถูกรับโทษ พร้อมกับมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ให้มันถูกต้อง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากไม่มีความผิด ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี