จ่อหมายจับ‘ตร.-พลเรือน’
เอี่ยวคดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย
“บิ๊กเต่า”เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย 3 ลำ สอบปากคำแล้ว 13 ปาก เตรียมออกหมายจับ“ตร.-พลเรือน”เพิ่ม เร่งสอบข้อมูลมือถือ 9 ตำรวจน้ำ พิสูจน์ข้อสงสัยปมเอี่ยวเรือน้ำมันเถื่อนหายขอเวลาอีก1 สัปดาห์ ขีดเส้น1ก.ค.นี้ชัดเจน เผยใช้สมมติฐานตรวจสอบเคสเดียวกับคดี‘กำนันนก’ขณะนี้ยังไม่พบ จนท.เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน 2567 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี เรือน้ำมันเถื่อน หายจากท่าเรือของตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี 3 ลำ และไปโผล่ในพื้นที่ทะเลสงขลา และพบลูกเรือ 8 คน ส่วนของกลางกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปเกือบทั้งหมด ประเด็นเรือของกลางหาย ขอหมายจับผู้เกี่ยวข้องแล้ว ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยใช้เวลานานร่วม 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่าวันนี้เป็นการประชุมร่วมกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของเราที่บกพร่องต่อหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย รวมไปถึงเรื่องการขยายผลจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนและกรณีของแชตไลน์ต่างๆที่หลุดออกมาซึ่งทั้งหมดค่อนข้างคืบหน้าไปพอสมควร
ในคดีเรือน้ำมันหาย 3ลำ ได้สอบปากคำไปแล้ว 13ปากที่เกี่ยวข้องกับคดีคือผู้ดำเนินการจับกุมเรือน้ำมันเถื่อนตั้งแต่ 17 มีนาคม พนักงานสอบสวน บก.ปอศ.ผู้รับผิดชอบคดีน้ำมันเถื่อน 1 ปาก ตำรวจ กก.5 กองบังคับการตำรวจน้ำที่สั่งการให้ดูแลเรือของกลาง 3 ปาก ตำรวจน้ำสัตหีบที่รับผิดชอบดูแลเรือของกลาง 7 ปาก บุคคลภายนอกที่ทราบเหตุการณ์ 1 ปาก
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่าทั้งนี้ตำรวจ บก.ปปป.ได้ร่วมกับตำรวจบก.รน.ตรวจสอบหลายมิติรวมไปถึงนำโทรศัพท์มือถือเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.รน.ทั้ง 9 นาย ส่ง บก.ปอท.ตรวจสอบข้อมูลและได้รับผลการตรวจพิสูจน์เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนส่งต่อให้ บก.ป.หรือกองปราบ ทำการวิเคราะห์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเรือของกลางหรือไม่ ก่อนจะนำมา เป็นพยานหลักฐานในสำนวนถ้าเกี่ยวข้องก็จะเร่งดำเนินการเอาผิด เช่นเดียวกับกรณีการตรวจสอบ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในช่วงเรือหาย คาดว่าวันจันทร์หน้า 1 ก.ค.นี้ ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น
“สำหรับเคสนี้เราดำเนินการบนสมมติฐานเดียวกันกับเคส‘กำนันนก’เพราะมีเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุ มีหน้าที่ แต่ไม่ปฏิบัติจึงทำให้เสียหาย ซึ่งเราจะดำเนินการในรูปคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าหากพบว่าผิดจริง ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง”พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่าส่วนเรื่องตรวจสอบเจ้าหน้าที่รับส่วยขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนนั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้ตำรวจบก.ปปป. เร่งดำเนินการตรวจสอบและจะเรียกผู้ที่ถูกพาดพิงมาสอบปากคำทุกคน คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปวันจันทร์หน้าเช่นเดียวกัน ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
“อย่างที่รู้กันเมื่อ3-4ปีก่อน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงเข้าไปมีส่วนร่วม ในการเก็บผลประโยชน์จากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน แต่เราไม่มีหลักฐาน ซึ่งทางเราเองก็อยากได้ข้อมูลเหล่านี้เช่นเดียวกัน”พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำ
เมื่อถามถึงกรณีติดตามตัวเสี่ยโจ้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า เสี่ยโจ้ไม่ได้ไปไหนไกล อยู่ใกล้ๆบ้าน เท่าที่ทราบปัจจุบันเจ้าตัวมีสัญชาติกัมพูชาเพิ่มมา กลายเป็นบุคคลสองสัญชาติ ทำให้สามารถล่องหนได้ ส่วนเรื่องหมายแดงนั้น ยืนยันว่าหากมีการออกหมายจับแล้ว จะเร่งดำเนินการในส่วนของหมายแดงต่อทันที หากถามว่า เสี่ยโจ้เกี่ยวกับคดีนี้หรือไม่ เกี่ยวพันอยู่แล้ว เรามั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่พอสมควร แต่ขอรวบรวมเพิ่ม ให้สมบูรณ์กว่านี้อีกสักหน่อย สัปดาห์หน้าน่าจะชัดเจน
“ทั้งนี้ สำหรับคดีดังกล่าว จนถึงตอนนี้ยืนยันว่า การดำเนินการยังปกติ ไม่มีอุปสรรค ไม่มีใครโทรมาขอความช่วยเหลือ เพราะเราทำด้วยข้อเท็จจริง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำ
ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่าสำหรับคดีนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรก เป็นเรื่องจับเรือน้ำมันเถื่อน 5 ลำ ทางกองปราบ อยู่ระหว่างเร่งทำข้อมูลรายงานสืบสวน เพื่อส่งต่อให้พนักงานสอบสวน บก.ปอศ.กับตัวแทนจากอัยการสูงสุดนำไปพิจารณา เช่นเดียวกับคดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย ขณะนี้ก็ใกล้จะแล้วเสร็จเพราะผู้ต้องหา พยานบุคคลต่างๆ เป็นกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่ทำผิดต่างกรรมต่างวาระ หรือต่างมิติ
“ยืนยันว่าจากการตรวจสอบกรณีเรือหาย ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องการขยายผลออกหมายจับเสี่ย จ. หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 4-5 คนนั้น คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น เพราะตอนนี้พอทราบข้อมูลแล้วว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง รวมไปถึงทราบแล้วว่าเรือที่มารับถ่ายโอนน้ำมันกลางทะเลน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นของใคร”พ.ต.อ.เอนก กล่าว
มีรายงานว่าคณะพนักงานสอบสวนเตรียมดำเนินการพิจารณายื่นต่อพนักงานอัยการ เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับนายตำรวจระดับสารวัตร ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีที่ทำให้เรือของกลางหาย 3 นาย และพลเรือนที่อาจเกี่ยวข้อง 2-3 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี