■■ เวลานี้ผ่านไปทางไหนก็เจอแต่ผู้คนที่บ่นกันหนักมาก ว่าข้าวของแพงมหาบรรลัย ไม่ว่าจะไปซื้อหาที่ไหน ใกล้ ไกลในห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ตลาดสด ข้างทาง แผงลอย โชว์ห่วยล้วนแล้วแต่แพงหูฉี่กันทั้งนั้น ทั้งผักสด ผลไม้ หมู หมา กา ไก่ไข่ อาหารปรุงสำเร็จ อาหารกล่อง อาหารกระป๋อง เรียกว่ากำเงินไปร้อยหนึ่ง ได้มาแค่ก๋วยเตี๋ยวชามเดียว กับน้ำเปล่า 1 ขวดเท่านั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้ แม้จะใช้สอยอย่างประหยัดไม่ฟุ่มเฟือยแล้ว แต่ราคาข้าวของพร้อมใจกันพุ่งพรวดทะลุฟ้า แล้วชาวบ้านตาดำๆ จะอยู่กันได้อย่างไร...
■■ อย่าว่าแต่มนุษย์เงินเดือนขี้ประติ๋วเลย ใครๆ ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “จะตายห่ะ” กันหมดแล้วพี่น้องเอ๊ย ไม่รู้ว่ารัฐบาล รัฐมนตรี สส. เขารับรู้รับทราบความทุกข์ยากของชาวบ้านอย่างเราท่านหรือไม่ หากรับรู้รับทราบ แล้วเหตุไฉนถึงได้นั่งนิ่งเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชนได้ถึงเพียงนี้ ช่างแตกต่างกับตอนหาเสียงเลือกตั้งยิ่งนัก ช่วงนั้นน้ำลายแตกฟองพร่ำเพ้อมโนไม่เว้นแต่ละวัน สัญญาเพ้อพกหลอกลวงไปเรื่อย จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น ปัญหาปากท้องจะได้รับการแก้ไขในทุกด้าน จะนั่นจะนี่ พูดออกมาแล้วเหมือน “ลมตด” อย่างไรอย่างนั้น...
■■ ค่าโดยสารรถก็แพงแสนแพง แพงแบบสวนทางกับเงินเดือน ทั้งรถไฟฟ้าบนดิน ใต้ดิน รถเมล์แอร์ รถเมล์ร้อน รถร่วม รถตู้ วินรถจักรยานยนต์ ตอนนี้ยังมองไม่เห็นระบบ“ตั๋วร่วม” หรือตั๋วโดยสารใบเดียวเดินทางได้หมดเป็นบุญตาบุญหัวเลย เพราะการกำหนดหลักเกณฑ์นั้นมันบิดเบี้ยวมาตั้งแต่แรก ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ ที่สำคัญเสียเงิน (ที่มีอยู่น้อยนิด) ในกระเป๋าไปแบบกล้ำกลืนฝืนทน...
■■ ก็ได้แต่สงสัยทำไมเสียงก่นด่าคำสาปแช่งที่ชาวบ้านมีต่อรัฐบาลมีต่อผู้มีอำนาจบ้านเมืองมันถึงได้ไม่เข้ารูหูแม้แต่กระผีก รัฐบาลจึงไม่รู้ร้อนรู้หนาวรู้สึกถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน ปล่อยให้พวกเขาเผชิญชะตากรรมกันเอาเอง ไม่รวมผู้ประกอบการเล็กใหญ่ ที่ทยอยกันปิดตัวลง ห้างร้านก็ซบเซาเงียบเหงา ไร้คนจับจ่ายใช้สอย กระทบกันเป็นลูกโซ่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของโน่นนี่นั่น สู้ค่าเช่าไม่ไหว สู้พิษเศรษฐกิจไม่ได้จำต้อง “ม้วนเสื่อ” จำนวนมาก พร้อมกับหนี้สินยาวเป็นหางว่าว ส่งผลถึงค่าผ่อนบ้านผ่อนรถ ที่กำลังกลายเป็นหนี้เสียอีกบานเบอะ บางคนที่เช่าเขาอยู่ก็จำใจลาจาก ต้องกลับไปตั้งหลักใหม่ที่บ้านนอก แต่บางคนไม่มีบ้านนอกหรือต่างจังหวัดให้กลับ ทนไม่ไหวจริงๆ ก็ตัดสินใจ “ลาโลก” นี้ไม่เอาแล้ว อันนี้ก็สุดจะเห็นใจจริงๆ เรียกว่า ไม่เจอกับตัว ไม่มีวันรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น...
■■ นี่แค่ครึ่งปีแรกของปี 2567 ชาวบ้านยังแทบสิ้นเนื้อประดาตัว (บางคนสิ้นไปแล้ว เหลือแต่หนี้สินให้ชดใช้กับชีวิตที่เหมือนซากศพ) ยังเหลืออีกครึ่งปีหลังที่ก็มองไม่เห็นอนาคตอีกเช่นกันว่า เราจะสามารถโงหัวขึ้นมาได้เมื่อใด หรือรัฐบาลจะมีกลไกอะไรมาช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง หรือจะปล่อยให้ข้าวของขึ้นราคากันตามสบาย รัฐบาลขอ “เอามือซุกหีบ” แบ๊ะๆ ไม่รู้ไม่ชี้ก็สุดจะเดา...■■
มันแกว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี