ลุ้น‘โจ๊ก’กลับสตช.
‘เศรษฐา’นั่งหัวโต๊ะถก‘ก.ตร.’
‘วิษณุ’ย้ำยังมีสิทธิ์ขึ้นผบ.ตร.
“เศรษฐา”นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร.พุธนี้ ถกปม “บิ๊กโจ๊ก” กลับรับราชการได้หรือไม่ ด้าน“วิษณุ”สะกิดอย่าฟ้องนายกฯ ให้รอผลคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ชี้มีโอกาสสูงได้กลับสตช. ลุ้นเป็นผบ.ตร.
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ท่านหนึ่ง ยศพลตำรวจเอก และเป็นกูรูด้านกฎหมายที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบประเด็นความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา326,328
กรณีการให้สัมภาษณ์ยืนยันข้อเท็จจริงให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าใจว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โจทก์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเว็บพนันออนไลน์ หลังศาลอนุมัติหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ในคดีดังกล่าว โดยศาลรับคดีไว้พิจารณาและนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์วันที่ 2 กันยายนนี้ เวลา 09.00น.
โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า แม้ว่าศาลจะออกหมายจับตนในคดีเว็บพนันออนไลน์ แต่ก็เป็นเพราะไม่เป็นไปตามหมายเรียก ไม่ใช่เพราะกระทำความผิด แต่การที่กูรูท่านนั้นซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบประเด็นความขัดแย้ง ที่มีหน้าที่เพียงตรวจสอบและรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ ไม่มีหน้าที่ออกมาพูดวินิจฉัยเรื่องคดี หรือพิพากษาคดีเองแทนศาล รวมถึงต้องให้สิทธิผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจง ฟังความและพยานจากทั้ง 2 ฝ่าย โดยตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษาคดีถึงที่สุด ก็ถือว่าผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นการที่กูรูให้ความเห็นคดีชี้นำสังคม ทำให้สังคมเชื่อไปแล้วว่าตนรับเงินเว็บพนันจริง หรือมีความผิดฐานฟอกเงิน จึงเข้าข่ายหมิ่นประมาท
“กูรูกฎหมายสามารถให้ความรู้ทางกฎหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกหมายจับหรือหมายเรียก แต่ไม่ใช่ชี้นำสังคมให้เข้าใจว่าบุคคลใดมีความผิด แต่กูรูท่านนี้อาจเกษียณจากราชการตำรวจไปนาน ลืมข้อกฎหมาย จนละเมิดสิทธิ์ทางอาญา”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า การประชุม ก.ตร. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 มิถุนายน ก็ให้เป็นไปตามดุลพินิจของคณะกรรมการ ตนไม่ขอแทรกแซง แต่กระบวนการต้องถูกต้องและชอบธรรม เคารพสิทธิ์ของตนด้วย ซึ่งตนไม่กังวลว่าจะถูกครหาที่วันนี้ออกมายื่นฟ้องหนึ่งใน ก.ตร. ขอยืนยันว่าวันนี้มาใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่ใช่การขู่หรือฟ้องปิดปาก เพียงออกมาต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ใครไม่โดนแบบตนก็คงไม่รู้ ส่วนผลการประชุม ก.ตร. หากออกมาเป็นลบ ก็ยังมีช่องทางที่จะเรียกร้องสิทธิ์ฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดต่อได้ ตอนนี้เพียงรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมข้าราชการตำรวจ อย่างไรก็ตามวันที่ 28 มิถุนายน นี้ตนเตรียมยื่นฟ้องกูรูอีก 1 คนในความผิดฐานหมิ่นประมาทเช่นเดียวกัน และสัปดาห์หน้าจะยื่นฟ้องผู้บังคับบัญชาระดับสูงด้วย
ด้านนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบิ๊กโจ๊ะจะฟ้องนายกฯว่าว้ก่อน ว่า มีสิทธิฟ้อง เพราะเป็นการฟ้องส่วนตัว แต่ไม่ควรฟ้อง ที่สำคัญ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังมีช่องทางที่จะบำบัดหรือได้รับการเยียวยาหลายช่องทาง ซึ่งควรจะไปใช้ช่องทางปกติ โดยสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็ยื่นฟ้องเช่นกัน เช่น ทางคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.)ฉะนั้น ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุว่า อนุ ก.ตร.ไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ต้องถูกส่งไป ก.พ.ค.ตร. เพื่อวินิจฉัยในเร็ววันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ควรรอคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกคนควรจะรอ เว้นแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไปแก้ไขเยียวยาเอง
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะยึดความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาในการต่อสู้ และมีสิทธิจะชนะใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด ยิ่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธาน ยิ่งไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด และในวันที่ตนแถลงข่าวก็ไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด แค่มาเล่าให้ฟังเท่านั้นว่าคณะกรรมการทั้งสองชุดว่าอย่างไร ซึ่งในวันนั้นมีผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังเป็นแคนดิเดตผบ.ตร.ได้อยู่หรือไม่ ตนจึงตอบว่าใครก็ตามที่ดำรงตำแหน่ง พล.ต.อ. และเป็นรองผบ.ตร. ก็มีโอกาสทั้งนั้น แต่สุดท้ายจะได้เป็นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งมติ ก.ตร. และอยู่ที่นายกฯจะเสนอชื่อใคร เหมือนเช่นตอนที่เสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เมื่อถามว่า แต่เป็นเหตุผลที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หยิบขึ้นมาอ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกคนก็เอาสิ่งที่ตนได้ประโยชน์มาอ้าง ไม่มีใครอ้างในสิ่งที่เป็นโทษ
ถามว่า ขณะนี้กลายเป็นว่า มีการเอาผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายฯ ที่มีนายฉัตรชัย เป็นประธาน ที่ทำท่าจะจบ แต่ไม่จบ เพราะมีการไปต่อยอด ฟ้องร้องกัน นายวิษณุ กล่าวว่า ก็เป็นคดีใหม่ ส่วนคดีเก่าคือ คดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งเรื่องจบไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผบ.ตร. และคนอื่นๆ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นธรรมดาเหมือนคดีทั่วไป ที่จบอีกเรื่องก็มีอีกเรื่องหนึ่งต่อไป และถือเป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับองค์กร ไม่เกี่ยวกับกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขอย้ำประโยคนี้ว่า เขาออกแบบไว้ให้ ก.พ.ค.ตร.เป็นผู้ตัดสินปัญหา ก็ต้องใช้ช่องทางนี้ หากผลตัดสินของ ก.พ.ค.ตร.ไม่เป็นที่พอใจ ก็ไปร้องศาลปกครองได้อีก เมื่อซักว่า ตอนนี้ตกลง พล.ต.อ.สุรเชษ์ฐ สามารถกลับเข้ามาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าดูจากวันนี้เดี๋ยวนี้ตอบได้ว่ามี แต่ถ้าต่อไป อาจมีการแก้เกมอย่างอื่นจนไม่ได้เป็นก็ได้ เพราะมันยังมีช่องกฎหมายอีกเยอะ ซึ่งตามช่องที่คณะกรรมการกฤษฎีกาบอกว่ากระบวนการไม่ชอบ และเป็นเอกฉันท์ด้วย
เมื่อถามย้ำว่า กระบวนการทั้งหมดจะไม่สามารถดำเนินการได้หากยังไม่มีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ เมื่อถามอีกว่า มีโอกาสที่จะไม่นำขึ้นทูลเกล้าได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เขาจะไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯแน่ เว้นแต่ ก.พ.ค.ตร.จะสั่งลงมา แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่เขาบอกว่า หนังสือที่จะนำขึ้นทูลเกล้านั้นมีข้อสังเกตว่า ควรจะถูกต้องตามกระบวนการ เพราะมีตัวอย่างมาแล้วนับ 10เรื่องที่กระบวนการไม่ถูก แล้วถูกส่งกลับมาดังนั้น ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ก.พ.ค.ตร.และรัฐบาลเองก็ฟัง ก.พ.ค.ตร.จะเอาอย่างไรก็เอาตามนั้น
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม.ว่า ในวันที่ 26 มิถุนายน เวลา 15.00น.จะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่ามีประเด็นเรื่องการกลับเข้ารับราชการได้หรือไม่ได้ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นหนึ่งในประเด็นที่จะต้องพิจารณาด้วย แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องกลับหรือไม่กลับเพียงอย่างเดียว เพราะมีขั้นตอนทางกฎหมายด้วย คณะกรรมการที่พิจารณาทางวินัยกับคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมก็จะนำข้อมูลต่างๆ มาร่วมพิจารณา ซึ่งจะต้องฟังให้รอบด้าน และตนต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อถามย้ำว่า เป็นการขู่หรือไม่ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะดำเนินการฟ้องร้อง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ผมเข้าใจว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีความเดือดร้อนและร้อนใจ แต่ผมเชื่อว่าในฐานะที่เป็นคนทำงานด้วยกัน เราก็เข้าใจถึงความร้อนใจ และผมเองไม่ได้มองว่าเป็นการขู่ครับ” เมื่อถามว่า นายกฯในฐานะกำกับดูแล ตร.จะให้กำลังใจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างไร เพราะถูกหางเลขไปด้วยในขณะที่ทำหน้าที่รักษาการแทน ผบ.ตร.นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือแม้แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เอง เชื่อว่าทุกคนก็มีปัญหาอยู่แล้ว“ผมอยากจะขอว่าทุกท่านเองก็มีวุฒิภาวะสูงอยู่แล้ว เรื่องปัญหาส่วนตัวจะต้องมีการแก้ไขตามกระบวนการกฎหมาย ผมอยากให้ทุกท่านสำนึกว่าเรามาอยู่ตรงนี้ได้เพื่ออะไร เพื่อดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนเรื่องสำคัญ ผมเชื่อว่าเรื่องกำลังใจ และทุกท่านก็อยู่ในหน้าที่การงานมา 30 กว่าปีแล้ว ผมเชื่อว่าทุกท่านรู้ว่าหน้าที่คืออะไร”
เมื่อถามว่า นายกฯมีหลักการอย่างไรที่จะจัดการกับปัญหาความขัดแย้ง เพราะเป็นปัญหาของตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่ใน ตร.นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เข้ามาดำรงตำแหน่ง และถ้าหากกลับไปดูก็จะเห็นว่าตนให้คำแนะนำและแนวทางปฏิบัติอย่างไร จะเห็นว่าเรื่องทุกข์สุขของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เมื่อถามต่อว่า ได้มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีครับ แต่ในการประชุม ก.ตร.พรุ่งนี้ถ้าเจอก็จะพูดคุยกัน เพราะเข้าใจว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์จะเข้าร่วมประชุมด้วยด้วย และก็จะมีการพูดคุยในคณะกรรมการ ก.ตร.ด้วย “และความจริงแล้วในคณะกรรมการผมก็เป็นเพียงแค่หนึ่งเสียง แม้เป็นประธานก็จริง แต่ก็มีคณะแต่ก็มีคณะกรรมการ ก.ตร.หลายๆ ท่านซึ่งล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ สูงสุดเป็นอดีตผู้บริหารสูงสุดทั้งนั้นใน ตร.ซึ่งก็ต้องรับฟังความเห็นของพวกท่านเหล่านี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี