ยังคงอยู่กับบทสัมภาษณ์ ประมุข เจิดพงศาธร ประธานบริษัท PJUS GROUP, USA นักธุรกิจชาวไทยผู้จัดหาสินค้าไทยส่งให้กับห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลังจากฉบับที่แล้ว (หน้า 17 ฉบับวันพุธที่ 26 มิ.ย. 2567) คุณประมุขได้เล่าถึงการผลักดันข้าวหอมมะลิจากประเทศไทยจนกลายเป็นสินค้าติดตลาดในสหรัฐฯ ส่วนในฉบับนี้ จะเป็นการเล่าถึงโอกาสของสินค้าเกษตรของไทยอย่าง “ผลไม้อบแห้ง” และ “ซอสปรุงรส” ที่ทาง PJUS GROUP เริ่มนำเข้าไปเจาะตลาดเพิ่มเติม รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและคำแนะนำถึงประชาชนชาวไทย
- ในส่วนของผลไม้อบแห้ง เห็นท่านให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้เมื่อต้นปี 2567 นี้เหมือนกันว่ามีคู่ค้าในสหรัฐฯ อยากให้ช่วยนำเข้าไปเจาะตลาด อยากทราบว่าสินค้านี้
ได้รับความนิยมในกลุ่มไหน? : สินค้าผลไม้อบแห้งในตลาดบนเขาต้องการให้ทำอย่างมีคุณภาพ ไม่ให้มีน้ำตาลหรือมีน้ำตาลน้อยที่สุด แล้วมีอีกฝั่งคือตลาดฮิสปานิก ซึ่งการใส่น้ำตาลเยอะๆ มันจะทำให้ราคาถูกลงเพราะมันไปอมน้ำตาล มันทำให้สินค้าหนักขึ้น แต่ถ้าไม่มีน้ำตาล ไปอบจนแห้งน้ำหนักมันหาย แต่พวกที่ต้องการมีสุขภาพดีเขาจะไม่กินน้ำตาล และไม่กินตัว Preservative (วัตถุกันเสีย)
- ล่าสุดเห็นว่าท่านไปทำซอสและน้ำจิ้มด้วย แถมชนะการประมูลในส่วนของวัตถุดิบประกอบอาหารในเรือนจำที่สหรัฐฯ อีก เรื่องนี้มีที่มา-ที่ไปอย่างไร? : ในอเมริกามีเรือนจำร่วม 2,000 แห่ง ผมร่วมกับบริษัทหนึ่งทำสินค้า ชื่อแบรนด์ “Gourmet Star” สินค้าของเราที่มีชื่อ ภาษาอังกฤษก็คือ Sweet Chili Sauce หรือว่าน้ำจิ้มไก่ เราทำมาแล้วเป็นสิบปี คือแบรนด์นี้พอติดแล้วคนก็จะติดแบรนด์
ทีนี้บังเอิญเมื่อปีที่แล้ว (2566) แบรนด์ดังซอสพริกศรีราชา แบรนด์ดังของอเมริกา Huy Fong เกิดขาดตลาดแล้วก็มีปัญหาอย่างรุนแรง ผมก็เลยเสนอว่าถ้าอย่างนั้นเราก็ทำแบรนด์ Gourmet Star ได้ไหม? ซอสศรีราชา ซึ่งบริษัทที่ร่วมมือกันเขาบอกว่ายินดี พอผมนำเข้าไปแล้ว จังหวะชีวิตอีก บางครั้งมันก็ต้องมีดวงด้วย อยู่ดีๆ เขาก็บอกว่า โอเค! มันจะมีการประมูลธุรกิจเรือนจำของรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐเท็กซัส
“ปกติแบรนด์ที่สามารถประมูลเข้าแข่งขัน มีอยู่แบรนด์เดียวคือแบรนด์ Huy Fong แต่คราวนี้เนื่องจากว่าผมมีผลงาน เขาก็เลยเอา Gourmet Star เข้าไปประมูลด้วย แล้วผมก็ทำการบ้านร่วมกัน พยายามที่จะให้ได้ธุรกิจนี้มา ก็คือถ้าลงรายละเอียดมันเยอะมาก การแข่งขันสูงมากที่อเมริกา ในที่สุดเราก็ชนะ ก็เป็นความภูมิใจอันหนึ่งว่าเราสามารถนำซอสพริกศรีราชาเข้าไปชนะในระบบเรือนจำ”
แต่เหนือจากสิ่งนั้น ก็คือเครือข่ายการตลาดทั้งที่แคลิฟอร์เนียและเท็กซัส เขาก็เอาไปบรรจุเข้ากับตลาดด้วยก็ได้ 2 ต่อ อันนี้ก็ถือเป็นโชคดี ผมไม่ได้นึกเลยว่าจะได้ตรงนี้ด้วย แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีเพิ่มอีกตัวขึ้นมา เพราะตอนประมูล Gourmet Star เขาบอกต้องทำซีอิ๊วด้วย ภาษาอังกฤษเรียกว่า Soy Sauce ซึ่งผมไม่เคยทำมาก่อนเลยในชีวิต ไม่เคยคาดฝันว่าจะมีโอกาสได้มาขายซีอิ๊ว อันนี้ก็เป็นอานิสงส์อันนี้ เข้าทั้งเรือนจำ เข้าทั้งตลาดด้วย ในเวลาเดียวกัน
- มองเศรษฐกิจโลกในวันนี้ มีอะไรอยากฝากถึงประชาชนชาวไทยบ้าง? : พูดถึงประเทศไทย ชาวบ้านไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เสี่ยงไม่ว่าแทงหวย แทงบอล หรือแม้กระทั่งหุ้น ก็ล้มระเนระนาด มีเงินก็ไปเสี่ยงกับหุ้น ผมก็ยังแปลกใจว่าแม้แต่แท็กซี่ยังไปเล่นหุ้นได้เลย ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน ฉะนั้นคำแนะนำของผม ถ้าหากใครหาเงินได้น้อยก็พยายามประหยัด ใครที่หาเงินไม่ได้ก็ต้องรู้จักประมาณตัวเอง ส่วนคนที่หาเงินได้ควรจะเก็บเงินเอาไว้เป็นเงินสดไม่ควรที่จะไปเสี่ยง อีกเรื่องหนึ่งคือภาวะเศรษฐกิจมันไม่ได้เป็นเฉพาะประเทศไทย มันเป็นกันทั้งโลก
ถ้าพูดกันให้ลึกซึ้ง จีนปิดประเทศไป 1 ปีเต็ม เขามั่นใจว่าเขาสามารถคุมโควิดได้ แต่ในระหว่างที่เขาอยู่เฉยๆ มันเท่ากับนำเศรษฐกิจเข้าตู้เย็นแช่แข็งเลย เมื่อไม่มีการ
ออกมาขับเคลื่อนอะไร เศรษฐกิจค่าเงินหยวนลดลงไปมหาศาล หลายๆ ประเทศค่าเงินลดลงไป ญี่ปุ่นลดลงไปน่าใจหาย ลดไปจาก 100 เป็น 160 บางประเทศก็ถูกฉวยโอกาสเมียนมากำลังกึ่งประชาธิปไตยดีๆ ก็ถูกยึดอำนาจไป สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
“ฉะนั้นการระมัดระวังไม่ประมาท แล้วก็อาชญากรรมมันเยอะเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี คนไม่มีกินมันก็เยอะ เมื่อไม่มีกินเยอะมันก็เกิดผลต่อเนื่อง พวกมิจฉาชีพก็ออกมาเยอะแยะ ในขณะเดียวกันครอบครัวที่ไปไม่ไหวก็มีอาการทางจิตทุกอย่างมันย่ำแย่หมด สิ่งเหล่านี้ผมเชื่อเหลือเกินว่าทางภาครัฐก็เหนื่อยพอสมควร อยากจะเรียนไว้อย่างนี้ว่าปัญหาของทุกๆ ประเทศมันคล้ายๆ กันหมด คือมันหมักหมมมานาน การจะแก้ไขปัญหามันก็คือต้องแก้ที่ต้นตอ แต่การแก้ปัญหามันไม่ใช่มาแก้วันเดียว มันไม่มีทาง”
แต่ก่อนถ้าพูดถึงสมัยต้มยำกุ้ง (ปี 2540) มันเทียบเท่ากับคนกลุ่มเดียว แก้แป๊บเดียวจบ แต่เที่ยวนี้มันร้ายกว่า เนื่องจากว่ามันซึมยาวมา ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนคนกินยาพิษมาทีละนิดๆจนกระทั่งเวลานี้มาสุกงอมเต็มที่แล้วยังไม่รู้เลยอะไรจะเกิดขึ้น ถึงสิ้นปีนี้ (2567) เราลองมาดูสิว่าน้ำลดตอโผล่มันอย่างไร? แต่ในขณะเดียวกัน คือในแง่ประชาชนคือต้องรักษาสุขภาพให้ดี เพราะถ้าสุขภาพไม่ดีจิตใจมันก็ไม่ดี สุขภาพแย่มันก็ทำอะไรไมได้อยู่ดี ในแง่ของประเทศชาติเหมือนกัน ถ้าทุกคนเอาใจช่วย พยายาม ผมเชื่อว่าวันหนึ่งผลดีมันก็เกิดขึ้น จะใช้เวลาแต่มันก็ต้องเกิดขึ้น
- เศรษฐกิจตอนนี้ท่านใช้คำว่า “ซึมยาว-ซึมลึก” พอจะมองเห็นบ้างไหมครับว่าสภาพร้ายๆ ทั้งหลายจะคลี่คลายลงเมื่อใด? : สมมุติอยู่ดีๆ สงครามที่เกิดอยู่เลิก แล้วเราก็มาถามตัวเองว่ามันจะเลิกหรือเปล่า? ถ้าเลิกนี่จบหมายถึงถ้าจุดใหญ่เลิกจุดเล็กมันก็จะเริ่มเลิก คือเวลานี้สงครามมันกลายเป็นว่า สงครามจริงซึ่งทำให้ชีวิต-ทรัพย์สินเสียหาย และในขณะเดียวกันมันมาบวกด้วยสงครามทางการค้า มาแข่งกัน จะใช้เงินสกุลของเธอบ้าง ไม่ใช้ของเธอบ้าง วันดีคืนดีก็ยื่นอย่างนั้นอย่างนี้ มันสร้างความไม่แน่นอน
และความไม่แน่นอนนี่ละที่ทำให้คนที่ทานไม่ไหวก็ล้มไปทั้งธุรกิจ ฉะนั้นก็ต้องทำด้วยความรัดกุม ทำด้วยความเข้าใจ อย่างไรคนมันก็ต้องกินต้องใช้ ผมยังเชื่อเหลือเกินว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ดีที่สุดแล้วนะในแง่ของในน้ำมีปลา-ในนามีข้าว ถ้าหากว่าใช้ชีวิตอย่างสมถะ ผมว่าอยู่ได้อย่างสบาย ไม่ต้องคิดมากเลย ผมชวนฝรั่งมาลงทุนที่ประเทศไทย บอกยูมาเห็นเลย ไม่ว่าจะขึ้นเหนือ ไปจังหวัดไหนก็แล้วแต่ อันนี้เป็นโอกาสอันดีของพวกเขา เขามีเงิน5 หมื่นเหรียญ 1 แสนเหรียญ ไม่ได้มากมายเลย แต่พวกนั้นมาอยู่ในไทยได้ตลอดชีวิต
- คำถามสุดท้าย..อะไรคือสิ่งที่ท่านจะผลักดันในช่วงที่เหลือของปีนี้? : ยังทำต่อเนื่อง ขยันทำสิ่งที่ทำอยู่แล้ว ก็ยังร่วมกับกรมส่งเสริมที่อเมริกา ทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อเนื่อง
ไปเรื่อยๆ เพราะอเมริกามันใหญ่เหลือเกิน มีหน้าที่ในฐานะที่ผมเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ก็ต้องออกไปอธิบาย เดินสายและตอกย้ำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดมากเลยว่าโลกมันกำลังเกิดอะไรขึ้น เรามีหน้าที่ทำก็ต้องทำ และทำด้วยความเข้าใจด้วย
“มีแผนที่ทำอยู่ ก็แผนต่อเนื่องไปเรื่อบๆ ไม่หยุด โปรโมทแน่นอนที่สุดมันทำให้ประเทศไทย ให้ชาวโลกเข้าใจว่าข้าวที่ดีที่สุดอยู่ตรงนี้ แล้วมูลค่าของแบรนด์นี่มันเป็นมูลค่าเพิ่มมหาศาล ไม่ใช่เพิ่มธรรมดา”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี