เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 มิถุนายน 2567 ร.ต.อ.สมศักดิ์ เจริญเฉลิมศักดิ์ รอง สว (สอบสวน) สภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุวางเพลิงเผาหน้าประตูทางเข้าธนาคาร ธกส.สาขาจันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้เข้าทำการใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงจนสงบแล้ว รับแจ้งแล้วจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น แล้วจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาญยุทธ เรืองดิษฐ์ ผกก.สภ.ฉวาง, พ.ต.ท.สมนึก คงวัดใหม่ รอง.ผกก.(สอบสวน),กำลังตำรวจชุดสืบสวนและรถดับเพลิงเทศบาลตำบลจันดีรีบไปที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุที่บริเวณลานประตูด้านหน้าทางเข้าธนาคารดังกล่าวมีร่องรอยเผาไหม้เป็นคราบดำ กลิ่นน้ำมันเบนซินคลุ้งไปทั่วบริเวณ สภาพความเสียหายด้านหน้าประตูธนาคารมีกระจกธนาคารจำนวน ๔บานได้รับความเสียหาย ,กล้องวงจรปิด 1 ตัว มูลค่าความเสียหายประมาณ 1 แสนบาท
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ธนาคารได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจำนวนหลายจุดทั่วธนาคารพบว่าก่อนเกิดเหตุ พบว่าวงจรปิดหลายตัดได้บันทึกภาพเมื่อเวลาประมาณ 10.22น.ได้มีหญิงวัย40ปีเศษคนหนึ่ง สวมเสื้อแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ชุดดำทั้งชุดสวมหมวกกันน็อคสีน้ำเงิน ขี่รถจยย.สีแดง ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนได้มาจอดหน้าธนาคารท่าทีลุกลี้ลุกลน โดยมีมือถือถุงสีน้ำเงินขนาดใหญ่ภายในถุงบรรจุน้ำจำนวนมากคาดเป็นน้ำมันเบนซินค่อนถุง ก่อนจอดรถจยย.ริมถนนหน้าธนาคารหน้าตู้เอทีเอ็ม แล้วทำทีเข้าไปกดเงินในตู้เอทีเอ็มแบบท่าทีลักลี้ลุกลนตลอดเวลา
จากนั้นหญิงคนดังกล่าวคนดังกล่าวได้เดินลุกลี้ลุกลนเข้าไปด้านในรั้วธนาคารธกส.แล้วเดินไปหยุดรอหน้าประตุกระจกหน้าธนาคาร ธกส.สาสาจันดี แล้วหญิงคนดังกล่าวได้หยุดยืนดูท่าทีอยู่หน้าประตูอยู่ครู่หนึ่ง โดยบริเวณบันไดทางขึ้นธนาคารได้มีหญิงสาวแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งนั่งอุ้มลูกอยู่ที่บันได
ก่อนที่หญิงสาวปริศนาคนดังกล่าวได้พยายามพูดให้หญิงแม่ลูกอ่อนคนดังกล่าวลุกขึ้นออกจากธนาคารไปเสีย และหลังจากหญิงแม่ลูกอ่อนอุ้มลูกออกจากธนาคารแล้ว หญิงปริศนาคนดังกล่าวได้เดินวนเวียนคู่หนึ่ง เมื่อเห็นปลอดผู้คนแล้วหญิงคนดังกล่าวได้ตัดสินใจแก้มัดปากถุงพลาสติกสีน้ำเงินแล้วเทราดน้ำมันออกจากถุงเทราดไปทั่วพื้นหน้าประตูธนาคาร
เป็นบริเวณกว้าง จากนั้นหญิงคนดังกล่าวได้เดินลงไปที่บันใดด้านล่างก่อนตัดสินใจดึงไม้ขีดไฟที่เตรียมมาจุดไฟโยนเข้าไปในกองน้ำมันจนไฟลุกพรึบหน้าประตูธนาคาร ก่อนหญิงคนดังกล่าวจะวิ่งหนีไปขี่รถจยย.หลบหนีไปอย่างทันทีท่ามกลางความตกใจของเจ้าหน้าที่ธนาคารและลูกค้าที่อยู่ในธนาคารและหลังจากหายตกใจแล้วเจ้าหน้าที่รีบใช้ถังดับเพลิงมาทำการฉีดดับเพลิงสงบลงในเวลาอันรวดเร็ว ท่ามกลางความระทึกของเจ้าหน้าที่และลุกค้าธนาคารทุกคน
หลังจากเกิดเหตุแล้วทางตำรวจ สภ.ฉวาง ได้แจ้ง จนท.ตำรวจพิสูจน์หลักฐานนครศรีธรรมราช เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาหลักฐานและทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวหญิงคนดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกม.และรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป
ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ชาญยุทธ เรืองดิษฐ์ ผกก.สภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เผยความคืบหน้าของคดีนี้ว่า ล่าสุดตำรวจชุดสืบสวน สภ.ฉวาง ทำการสืบสวนสอบสวนและแกะรอยกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนีของคนร้ายรายนี้จนรู้ตัวแล้วทราบชื่อ น.ส.อมรสุข อายุ 48 ปี ชาวจ.นครศรีธรรมราช จึงนำกำลังตำรวจชุดสืบสวนและสายตรวจเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ น.ส.อมรสุข บ้านปิดบ้านเงียบ ไม่ยอมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมตัว พร้อมขู่ว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปในบ้าน น.ส.อมรสุข จะจุดไฟเผาบ้าน กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงต้องยอมถอยร่นออกมาก่อน เพื่อความปลอดภัย ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทราบว่า น.ส.อมรสุข มีอาการป่วยจิตเวชมานานแล้ว ซึ่งชาวบ้านเป็นที่รู้ดีของชาวบ้านในหมู่บ้าน
พ.ต.อ.ชาญยุทธ ยังระบุอีกว่า สาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากอาการสติไม่สมประกอบของผู้ก่อเหตุ โดยเบื้องต้นไม่มีสาเหตุโกรธแค้นกับธนาคารที่ก่อเหตุ และผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร ธกส.ที่เกิดเหตุ โดยก่อนเกิดเหตุมีพยานเห็นผู้ก่อเหตุ ซื้อน้ำมันจากปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.จันดี จำนวน 250 บาท ก่อนจะใส่ถุงพลาสติกแล้วนำมาก่อเหตุที่ธนาคารดังกล่าว ซึ่งตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอขออนุมัติศาลจังหวัดทุ่งสง ออกหมายจับ น.ส.อมรสุข ต่อไป ส่วนที่ญาติอ้างว่า ผู้ก่อเหตุ ป่วยโรคจิตเวชจริงหรือไม่ จะมีการตรวจพิสูจน์ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี