‘บิ๊กต่าย’เปิดใจหลังถูก‘บิ๊กโจ๊ก’ฟ้องม.157 ยันไม่หนักใจทำตามหน้าที่ พร้อมปัดข่าวถูกทาบทามไปเป็น‘ปลัดมหาดไทย’ ส่วนนายกฯตบไหล่แค่ทักทายปกติไม่มีอะไร ไม่ทราบข่าวลือ‘บิ๊กต่อ’จ่อทิ้งเก้าอี้ผบ.ตร.
27 มิถุนายน 2567 ที่ ศปก.ตร.ชั้น 20 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดใจถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่เห็นชอบกับอนุฯก.ตร.วินัยว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย โดยยอมรับว่า ได้มีการแถลงให้ที่ประชุม ก.ตร.รับทราบถึงที่ไปที่มา และเหตุผลในการออกคำสั่งดังกล่าว ก่อนที่จะออกมาด้านนอก และให้ในที่ประชุมได้ลงมติดังกล่าว ภายหลังจากทราบผลตนเองรู้สึกว่าในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ตนทำหน้าที่ด้วยความสุจริตใจ ซึ่งช่วงเวลานั้นใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกศาลออกหมายจับ และไม่ไปรับทราบข้อหาตามหมายเรียก ซึ่งในขณะที่พนักงานสอบสวนไปขอศาลออกหมายจับ ศาลได้นำเรื่องพฤติการณ์ทางคดีและพยานหลักฐานต่างๆไปพิจารณาโดยใช้เวลาพิจารณานานเกือบ 1 วัน และยืนยันว่าทำไปด้วยความสุจริตใจ ไม่ได้ต้องการขัดแข้งขัดขาอย่างที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตั้งข้อสังเกต ส่วน ก.ตร.วานนี้ (26 มิ.ย.67) ตนไม่ได้มีความดีใจหรือเสียใจ เป็นความรู้สึกปกติเพราะผลออกมาจากการพิจารณาออกคำสั่งของตนเป็นไปตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และพฤติการณ์ตามความร้ายแรงที่เกิดขึ้น เพราะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
รอง ผบ.ตร. กล่าวย้ำว่า ผลที่ออกมาตนไม่ได้สบายใจขึ้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก แต่ต้องตัดความสบายใจหรือไม่สบายใจออกไปตั้งแต่แรก ในการออกคำสั่งและปฏิบัติหน้าที่ ตนมองว่าตนไม่สบายใจในเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และการปฏิบัติหน้าที่ของปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดในวันนี้มากกว่า ซึ่งใจตนอยากให้ปัญหาความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหายไปเพื่อให้ข้าราชการตำรวจทุกนายสบายใจ ประชาชนสบายใจ และดูแลทุกภาคส่วนได้ดีมากขึ้น มองว่าหากปัญหาดังกล่าวหายไปตนเองจะสบายใจมากขึ้น
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้อยู่ที่ ก.พ.ค.ตร.จะพิจารณา ดำเนินการต่อไป ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ทำอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ตนได้ทำคำแก้อุทธรณ์ส่งไปให้ทาง ก.พ.ค.ตร.แล้ว และเชื่อว่า ก.พ.ค.ตร.อาจจะนำผลการพิจารณาของอนุฯก.ตร.วินัย และผลการลงมติ ก.ตร.ไปพิจารณาด้วย ซึ่งตามขั้นตอนแล้วหากผลการวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. ออกมาอย่างไร ตร.ก็ต้องปฏิบัติตาม ส่วนผลออกมาไม่เป็นคุณต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็เชื่อว่าคงจะไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุดในขั้นตอนสุดท้าย
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่าหากผลคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.ออกมาไม่เป็นบวก ก็จะฟ้องร้องเอาผิดทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ตนมองว่าเป็นสิทธิ์ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารถทำได้ และเป็นธรรมดาที่ตำรวจจะโดนฟ้องจากผู้จับกุมผู้ที่ถูกตรวจค้น แต่อยากให้ทำด้วยความสุจริตใจ และไม่ได้มีเจตนาใดแอบแฝง ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนาใดๆมองว่าตนเองสามารถตอบและชี้แจงต่อหน่วยงานและองค์กรต่างๆได้
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่าที่ประชุม ก.ตร.เมื่อวานนี้มีแต่คณะกรรมการที่อยู่เป็นลูกน้องของ ผบ.ตร. นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คงมองว่าไม่เป็นธรรมก็สามารถร้องเรียนและขอความเป็นธรรมได้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ แต่การฟ้องร้องขอให้มีข้อมูลและเหตุผลเพียงพอเพราะไม่เช่นนั้นผู้ถูกฟ้องก็คงต้องดำเนินการตามกฎหมายกลับไปเหมือนกัน แต่สำหรับตนไม่ได้วิตกกังวลอะไรเป็นรอง ผบ.ตร.ก็ทำหน้าที่ป้องกันปราบปรามต่อไป ซึ่งเป็นมุมมองความคิดที่ขยายออกไปได้ แต่ตนได้ให้เหตุผลไปแล้ว
ทั้งนี้ภายหลังจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กลับมาปฏิบัติราชการแล้ว ได้มีการทักทายกันตามปกติและได้ทำงานร่วมกันหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ก็มีการทักทายกันปรึกษางานกันตามปกติ ไม่มีอะไร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องนโยบายเกี่ยวกับการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะทิ้งตำแหน่ง ผบ.ตร. ทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบข่าวจริงๆ แต่เชื่อว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับมาก็ต้องทำงานของตนเอง ส่วนเรื่องอื่นเชื่อว่าท่านจะต้องไปพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรมเอง ส่วนที่มีการมอบหมายให้ตนไปประชุม ผบ.เหล่าทัพ หรือแม้แต่การประชุมติดตามผลการปิดล้อมกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดวันนี้ ที่นายกรัฐมนตรีร่วมประชุมผ่านระบบทางไกลนั้น ชี้แจงว่าการประชุม ผบ.เหล่าทัพ เป็นเพราะ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีการมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรไว้นานก่อนแล้ว ส่วนการประชุมฯวันนี้ ตนเป็นผอ.ศอ.ปส.ตร.ก็ต้องมาประชุมเอง และมีการมอบหมายไว้แล้ว ยืนยันว่าไม่มีอะไรและทำงานกันได้อย่างปกติ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ส่วนการประชุม ก.ตร.วานนี้ (26 มิ.ย.67) มีจังหวะหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีได้เดินมาตบไหล่ตนเองเบาๆนั้น เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ ขอชี้แจงว่าเป็นการทักทายตามปกติไม่มีอะไร เพราะตนเพิ่งพ้นจากหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในช่วง 3 เดือน ก็ได้ทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด และเป็นวันแรกที่นายกรัฐมนตรีเข้ามาหลังจากที่ตนพ้นหน้าที่รักษาการก็คงเป็นการทักทายตามปกติ
“ไม่มีการทาบทามให้ผมไปรับตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย และหากมีทาบทามผมก็ไม่ไป เพราะรักอาชีพตำรวจและคงจะอยู่จนเกษียณอายุราชการ” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี