ทช.จับมือ ภาคเอกชน และชาวบ้านชุมชนปากน้ำประแสร่วมเก็บขยะชายหาด โดยนำขยะที่ได้เข้าสู่กระบวนการเผาในเตาเผาปูนซีเมนต์ เปลี่ยนขยะเป็นพลังงานเชื้อเพลิง และปลูกต้นโกงกาง เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ รักษาสมดุลระบบนิเวศน์ พื้นที่ป่าชายเลน 6,000ไร่
เมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 28 มิถุนายน 2567 นายสกุล เขียนด้วง ผอ.ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดระยอง กรมทรัพยากรทางทะเลฯ เป็นประธาน เปิด โครงการ INSEE Green Heart Plus Club โดยมีนาย มนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย พร้อมด้วยองค์กรพันธมิตร และชาวบ้านชุมชนปากน้ำประแส กลุ่มรักษ์ประแส รวมกว่า 240 คน ลงพื้นที่เก็บขยะชายหาดบริเวณปากน้ำประแส เป็นระยะทางยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร รวมทั้งกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะใต้ท้องทะเล นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกันปลูกต้นโกงกาง 550 ต้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปี ปูนซีเมนต์นครหลวง
นายสกุล เขียนด้วง ผอ.ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดระยอง กล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) มีข้อมูลตัวเลขขยะตกค้างชายฝั่งที่จัดเก็บส่วนใหญ่เป็นขยะพลาสติกมากถึง 81% ส่วนใหญ่เป็นถุงพลาสติก ขวดพลาสติก และบรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร ขณะที่ กรมควบคุมมลพิษ ในปี 2564 พบในพื้นที่ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเลมีขยะมูลฝอย ปริมาณ 10.89 ล้านตัน จำนวนนี้เป็นขยะที่กําจัดอย่างไม่ถูกต้องมากถึง 2.66 ล้านตัน โดยป่าชายเลนปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง เป็นพื้นที่ของกรมทรัพยากรทางทะเลฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขนาด 6,000 ไร่ นับเป็นผืนป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในภาคตะวันออกที่เคยถูกทำลายจากการบุกรุกของนากุ้งและการขยายตัวของชุมชนจนเป็นป่าเสื่อมโทรม ภาครัฐจึงได้ร่วมมือกับชุมชนและภาคเอกชน ทำการฟื้นฟูป่าชายเลนให้กลับมามีสภาพที่สมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งป่าชายเลนเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำในระยะตัวอ่อน อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหาร หลบภัย และสืบพันธุ์ให้กับสัตว์น้ำนานาชนิด การปลูกป่าชายเลนนี้จะช่วยป้องกันการพังทลายของชายฝั่ง รักษาความสมดุลของระบบชายฝั่ง และระบบนิเวศใกล้เคียง และช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ
ด้านนายมนตรี นิธิกุล เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของทุกคนบนโลกมากขี้นเรื่อย ๆ สาเหตุหนึ่งเกิดจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมบนชายฝั่งเกิดจากปัญหาขยะในทะเลที่มีเป็นจำนวนมาก ทั้งบริเวณริมชายหาด และใต้ท้องทะเล จึงเป็นที่มาของการดำเนินโครงการ INSEE Green Heart Plus Club ของกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสังคมที่ยั่งยืน
สำหรับขยะที่จัดเก็บจะนำมารวมกันแล้วทำการชั่งน้ำหนักในปีนี้ ได้ปริมาณรวมกว่า 862 กิโลกรัม คัดแยกเป็นขยะที่เผาไหม้ได้ประมาณ 166 กิโลกรัม โดยบริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ผู้นำด้านการให้บริการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ และการบริการภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน จะนำขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ (non-recyclable) มาใช้เป็นเชื้อเพลิงขยะ (Refuse derived fuel : RDF) โดยเข้าสู่ในกระบวนการเผาร่วมในเตาเผาปูนซีเมนต์ (Co-processing) ได้ซึ่งจะทำให้ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และขยะตกค้างสะสมที่อาจหลุดรอดสู่ทะเลมีปริมาณที่น้อยลง
ด้าน นางสาวปิยะรัตน์ ถนอมวงษ์ อายุ 50 ปี ชาวบ้านปากน้ำประแส กลุ่มรักษ์ประแส บอกว่า ขยะในทะเลส่วนใหญ่ก็มาจากท้องทะเลพัดเข้าฝั่ง กลุ่มชาวบ้านปากน้ำประแสจึงได้รวมกลุ่มกัน มานานกว่า 10ปีแล้ว เริ่มจากไปเคาะประตูทุกบ้านให้มาร่วมด้วยช่วยกัน มาเก็บขยะและช่วยคัดแยกเพื่อกำจัดให้ขยะหมดจากชายหาด แม้ว่าเก็บเท่าไหร่ก็ไม่หมดเพราะขยะมีเพิ่มขึ้นและพัดจากทะเลเข้าฝั่งทุกวันแต่เราก็ยังต้องช่วยกันทำ ที่น่าห่วงคือขยะพิษขยะติดเชื้อเช่นหลอดไฟ แพมเพิส เมื่อมีหน่วยงานต่างๆเข้ามาช่วยก็ภูมิใจที่ทุกฝ่ายยังให้ความสำคัญกับปากน้ำประแสบ้านเรา ชาวบ้านจึงได้ออกมาช่วยกันทุกครั้งที่มีกิจกรรมเก็บขยะ ปลูกป่าชายเลน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี