หารือ : ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ หารือกับนายเทตสึชิ ซากาโมโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น และคณะ กระชับความสัมพันธ์และการพัฒนาด้านเกษตรระหว่างกัน โดยมีประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง ผลักดันส่งออกสินค้าเกษตรไทย เช่น กล้วยหอม ส้มโอ มะม่วง เพิ่มเติม

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังหารือกับ นายเทตสึชิซากาโมโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น และคณะ ว่าได้แลกเปลี่ยนแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการเกษตร พร้อมกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกันมากยิ่งขึ้น นำไปสู่การพัฒนาด้านเกษตรระหว่างกัน ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าสินค้าเกษตร การเสริมสร้างความยั่งยืนของระบบเกษตรและอาหาร และการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้หารือถึงการเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างกัน โดยเฉพาะการขยายการส่งออกส้มโอและมะม่วงทุกสายพันธุ์ไปยังประเทศญี่ปุ่น พร้อมผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรอื่นๆ ไปยังประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติม โดยเฉพาะกล้วยหอม ซึ่งญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกกล้วยหอมทองที่สำคัญ การหารือกันในครั้งนี้ ญี่ปุ่นได้เน้นย้ำถึงโควตาการอนุญาตนำเข้ากล้วยหอมจากไทย 8,000 ตัน/ปี
ตามข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement) หรือ JTEPA ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2550 โดยกรมส่งเสริมการเกษตรส่งเสริมการรวมกลุ่มแปลงใหญ่กล้วยหอมคุณภาพ และผลักดันให้เป็นสินค้าส่งออก สร้างรายได้แก่เกษตรกร นอกจากนี้ ฝ่ายญี่ปุ่น ยินดีให้การสนับสนุนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับภาคเกษตรของไทย ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันในการพัฒนาองค์ความรู้ของเกษตรกร

สำหรับประเด็นด้านการเสริมสร้างความยั่งยืนของระบบเกษตรและอาหาร ได้มีความร่วมมือเชิงวิชาการ เพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ และระบบนิเวศ รวมทั้งเสริมสร้างการเพิ่มผลิตผลและผลผลิตในภาคการเกษตรซึ่งมีความสอดคล้องกับการขับเคลื่อนนโยบาย BCG ของกระทรวงเกษตรฯ และแผนปฏิบัติการด้านการเกษตรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นประเด็นที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในปัจจุบัน รวมถึงความยั่งยืนของระบบเกษตรและอาหารเป็นประเด็นที่มีการอภิปรายอย่างแพร่หลาย และเป็นแนวโน้มที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างมีข้อห่วงกังวล และตระหนักถึงการร่วมมือเพื่อหาแนวทางการปฏิรูประบบเกษตรและอาหารให้มีความยั่งยืน นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงโครงการร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานร่วมกันในปัจจุบัน โดยไทยได้ขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาขยายขอบข่ายความร่วมมือที่ครอบคลุมภาคประมง ภาคปศุสัตว์ และการร่วมวิจัยและพัฒนาในด้านต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าว นอกเหนือจากที่เกษตรกรและภาคการเกษตรไทยจะต้องได้ประโยชน์แล้ว การดำเนินความร่วมมือกับฝ่ายญี่ปุ่นจะต้องเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบของประเทศไทย