ตำรวจชุดสืบสวนภูธรอุดรธานีซ้อนแผนบุกจับ 4 ผู้ต้องหาอ้างเป็นนักข่าวเรียกรับเงิน 1 แสนบาทผู้รับเหมากลางตลาดถนนรอบเมือง ตกใจเห็นตำรวจพยายามต่อสู้ขัดขวางพร้อมโยนซองเงินของกลางทิ้งและพยายามจะขับรถหนี แต่ไม่รอดถูกรวบเอาไว้ได้ ค้นในรถพบอาวุธปืนเพียบ ปฏิเสธไม่ได้กรรโชกทรัพย์ เผยประวัติ "ไอ้หน่อง" หัวโจกสุดแสบก่อเหตุมานับครั้งไม่ถ้วน ผู้รับเหมาไม่กล้าทำอะไรเพราะโชว์บัตรนักข่าว เสื้อกั๊กคล้าย DSI และอีกหลายสังกัด
วันนี้ (2 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุม กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.พันธุ์เพ็ชร์ เหล่ากำเนิดเพชร ผกก.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจ สส.ภ.จว.อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม 4 ผู้ต้องหาอ้างเป็นนักข่าวตบทรัพย์ประชาชน ประกอบด้วยนายกัมปนาท (ขอสงวนนามสกุล) หรือบูม อายุ 36 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 217/2567 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ข้อหา "ร่วมกันพยายามกรรโชก" นายสุริยา (ขอสงวนนามสกุล) หรือหน่อง อายุ 57 ปี ชาว ต.บ้านขาว อ.เมือง จ.อุดรธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดอดรธานี ที่ 218/2567 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ข้อหา "ร่วมกันพยายามกรรโชก" นายศักดิ์สยาม (ขอสงวนนามสกล) หรือตู่ อายุ 50 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด และนายสิทธิชัย (ขอสงวนนามสกุล) หรือชัย อายุ 45 ปีชาวจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมของกลางเงินสดในการล่อซื้อ 100,000 บาท โดยกล่าวหาว่ากรรโชกและมีอาวุธปืนในครอบครอง
พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากผู้รับเหมารายหนึ่งชาวจังหวัดอุดรธานีว่า มีบุคคลตั้งตัวแทนเป็นสื่อมวลชนอ้างชื่อเครือข่ายประชาชนต่อต้านการทุจริตเรียกรับเงินแลกกับการไม่ร้องเรียนการทำงานมีนายหน่อง เป็นหัวหน้าแก๊งพร้อมลูกน้องอีก 3 คนเป็นผู้เจรจา โดยเรียกรับเงินจากผู้รับเหมา 300,000 บาทแต่ต่อรองเหลือ 100,000 บาท หลังจากรับแจ้งผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี และทำการวางแผนจับกุมโดยช่วงเย็นวานนี้ (1 ก.ค.67) ตำรวจได้วางแผนให้ผู้รับเหมานัดส่งมอบเงินในวันนั้นและนำกำลังไปดักรอที่บริเวณลานจอดรถตลาด ส นงนุช ถนนรอบเมืองจ.อุดรธานี กระทั่งเวลา 17.20 น.มีรถยนต์กระบะ 4 ประตูทะเบียนกรุงเทพฯ ตรงตามที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ขับมาจอด
จากนั้น 1 ในกลุ่มผู้ต้องหาได้เดินลงจากรถไปรับซองเอกสารสีน้ำตาลจากผู้เสียหายซึ่งภายในเป็นเงินสดจำนวน 100,000 บาท ก่อนจะเดินทางกลับเข้ามายังรถ ตำรวจจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ปิดล้อม แต่กลุ่มผู้ต้องหาต่อสู้ขัดขวางกับกลุ่มไม่ยอมลงจากรถ พร้อมโยนซองเงินของกลางทิ้งและพยายามจะขับรถหนี สุดท้ายตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์จับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 เอาไว้ได้ เมื่อตรวจค้นยังรถพบอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนซุกซ่อนอยู่ท้ายรถกระบะรถยนต์หลายกระบอก 1 ในนั้นเป็นอาวุธปืนจริง จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดีและคุมตัวผู้ต้องหามาทำบันทึกจับกุมนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 คนตอนนี้อยู่ในห้องขัง สภ.เมืองอุดรธานี และให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กรรโชกทรัพย์แต่อย่างใด
พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เผยอีกว่า สำหรับคนพวกนี้มีการตั้งชื่อตั้งกลุ่มว่าเป็นสื่อมวลชนเองทำบัตรเอง โดยตั้งว่าใครเป็นประธาน ใครเป็นรองประธาน ใครเป็นเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่ใช่สื่อมวลชนที่มีหน่วยงานรองรับ หรือมีหน่วยงานของรัฐรองรับรับรอง กรณีนี้จึงทำประชาชนอาจจะไม่ทราบ โดยเฉพาะลักษณะการแต่งตัวคล้ายกับสื่อมวลชนและคล้ายกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยิ่งทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ประชาชนที่เขาประกอบอาชีพสุจริตก็ไม่อยากมีปัญหาก็ยอมจ่ายพอประชาชนยอมจ่ายก็มีการกระทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้องค์กรสื่อมวลชนและภาครัฐเกิดความเสียหาย ยกตัวอย่าง เสื้อโลโก้ที่สวมใส่มองดูเผินๆ คล้ายเจ้าหน้าที่ DSI หรือกรมการปกครอง
ทั้งนี้ หลังถูกจับผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในข้อหากรรโชกทรัพย์และยอมรับครอบครองอาวุธปืน อย่างไรก็ดี ประชาชนท่านใดที่เคยได้รับความเดือดร้อนจากการข่มขู่ในลักษณะเดียวกันจากกลุ่มผู้ต้องหาหรือกลุ่มอื่นที่มีพฤติกรรมคล้ายกันสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีเพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มผู้กระทำผิดต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.พันธุ์เพ็ชร์ เหล่ากำเนิดเพชร ผกก.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี บอกว่า จากนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาตที่ต้องการให้ปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่กรณีนี้เคสนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและติดตามพฤติกรรมผู้ต้องหามาได้ระยะหนึ่ง โดยมีการตั้งเป็นกลุ่มแก๊งซึ่งเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ โดยนายหน่องเป็นหัวหน้าแก๊ง อ้างตัวเป็นนักข่าวไปข่มขู่ผู้รับเหมา รถบรรทุกดิน มีประวัติแสบก่อเหตุมาหลายครั้งแล้ว อยากให้ประชาชนที่ถูกกลุ่มอ้างเป็นนักข่าว 4 คนนี้ข่มขู่หรือรีดทรัพย์จากการประกอบธุรกิจมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ฯ เพื่อดำเนินการขั้นเด็ดขาดไม่ให้พวกนี้เป็นเหลือบหากินกับนักข่าวที่ทำงานสุจริตต่อไป - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี