กาฬสินธุ์สกัดจับยาบ้า 4 แสนเม็ดมูลค่ากว่า 20 ล้านก่อนส่งถึงมือเครือข่ายนักค้ายา
วันที่ 2 ก.ค.67 ที่ห้องประชุมโสมพะมิตรชั้น 4 ศาลกลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จ.กาฬสินธุ์ นายธนภัทร ณ ระนอง รองผวจ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.อ.ประวัติ จารุตัน รองผอ.รมน.กาฬสินธุ์ นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.เมธาพงษ์ บุญศรี ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.กุฉินารายณ์ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ฝ่ายปกครองอำเภอกุฉินารายณ์ ฝ่ายปกครอง จ.กาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 404,000 เม็ดมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท รถยนต์เก๋ง 1 คัน หลังจากตำรวจ สภ.กุฉินารายณ์สามารถตรวจยึดยาบ้าได้ที่ถนนสายสมเด็จ - มุกดาหาร อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ส่วนคนร้ายทิ้งรถแล้วหลบหนีไป
พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับการตรวจยึดยาบ้า 404,000 เม็ดครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจสภ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์จอดเสียหลักลงข้างถนนสายสมเด็จ - มุกดาหาร บริเวณตรงข้ามโรงแรมสีแสงรีสอร์ท หมู่ที่ 7 ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ หลังรับแจ้งจึงเข้าทำตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ Honda รุ่น City สีดำไม่ติดป้ายทะเบียนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เปิดไฟหน้ารถและประตูด้านข้างด้านซ้ายทิ้งไว้ ตรวจสอบภายในรถที่เบาะด้านหลัง พบกระสอบยาบ้า 1 กระสอบ นับจำนวนได้ 404,000 เม็ด จึงทำการตรวจยึด เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้าย
พล.ต.ต.ตรีวิทย์ กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุ ตนได้ลงพื้นที่ สภ.กุฉินารายณ์ เพื่อติดตามและช่วยคลี่คลายคดี ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนสภ.กุฉินารายณ์ และชุดสืบสวนภ.จว.กาพสินธุ์ได้ร่วมกันสืบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิสูจน์ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร ล่าสุดพอที่จะมีข้อมูลแล้วว่า ผู้ร่วมกระทำผิดในคดีนี้มีอย่างน้อย 3 คน และรู้ตัวแล้ว 1 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเสนอต่อศาลให้พิจารณาออกหมายจับผู้กกระทำความผิด และส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ในส่วนการป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติดของตำรวจภูธรจ.กาฬสินธุ์นั้นได้กำชับทุกโรงพักบูรณาการกับฝ่ายปกครอง และทหาร เดินหน้าเต็มที่ทั้งการจับกุมกลุ่มผู้ค้ารายย่อย รายใหญ่ตามบัญชี และจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญ รวมทั้งมาตรการยึดทรัพย์
ด้านนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จังหวัดได้ดำเนินการป้องกันปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังเด็ดขาด และเป็นรูปธรรมให้มากที่สุด ภายใต้การปฏิบัติงานตามแผน"ยุทธการฟ้าแดดสงยาง ระดมกวาดล้างยาเสพติด จ.กาฬสินธุ์"ประจำปี 2567 โดยได้สั่งการให้ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการเร่งแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใน 90 วัน อย่างจริงจังเด็ดขาด รวมถึงให้เห็นผลการจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อให้การดำเนินการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
นายสนั่น กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังกันปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้นพื้นเป้าหมาย เน้นปราบปรามกลุ่มผู้ค้าทั้งรายใหญ่ และรายย่อย ควบคู่ไปกับนำตัวผู้เสพเข้าบำบัดฟื้นฟู และต่อไปเจ้าหน้าที่จะยังปฏิบัติงานอย่างเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นปลอดภัย และความพึงพอใจให้เกิดขึ้นสู่ประชาชน ในพื้นที่อย่างถาวร
อย่างไรก็ตามสำหรับยาบ้าที่ตรวจยึดได้ครั้งในถือว่าเป็นการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ที่มีจำนวนมากในรอบหลายปีในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เบื้องต้นคาดว่าได้มีการลักลอบขนย้ายมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเตรียมไปส่งให้กับเครือข่าย ซึ่งการตรวจยึดได้ถือเป็นการสกัดกั้นและป้องกันยาบ้าไปถึงมือกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งต้องชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทุกฝ่ายที่สามารถตรวจยึดยาบ้าได้ก่อน เพราะหากปล่อยไปถึงมือเอเย่นต์และนักค้ารายย่อยในพื้นที่ได้จะทำให้ยาบ้าแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี