ขอย้ำอีกครั้ง! ตำรวจไม่เปิดเพจเฟซบุ๊กรับแจ้งความ-หน่วยงานรัฐไม่ซื้อโฆษณาโปรโมท ถ้าเห็นคิดไว้เลยโจรแน่ๆ
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ที่พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ย่านคลองห้า จ.ปทุมธานี พ.ต.ต.วีระพงษ์ แนวคำดี สารวัตรกลุ่มงานป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวในการบรรยายหัวข้อ “รู้เท่าทันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นแกนนำชุมชน ซึ่งเป็นงานที่ อวพช. จัดร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภค ภาคีโคแฟค (ประเทศไทย) และสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ
โดยในตอนหนึ่ง พ.ต.ต.วีระพงษ์ ได้กล่าวถึงปัญหาเพจเฟซบุ๊กปลอม โดยเฉพาะเพจที่ตั้งชื่อทำนองว่ารับแจ้งความออนไลน์ ที่มีเหยื่อถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้วต้องการแจ้งความกับตำรวจ กลับต้องมาถูกมิจฉาชีพหลอกซ้ำซ้อนด้วยเพจเหล่านี้ ซึ่งต้องขอย้ำว่า ทางตำรวจไม่มีนโยบายรับแจ้งความออนไลน์ ไม่ว่าบนเพจเฟซบุ๊ก ไอดีไลน์ หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ใดๆ ทั้งสิ้น โดยมีช่องทางเพียงเว็บไซต์ https://thaipoliceonline.go.th/ และโทรศัพท์ผ่านสายด่วน หมายเลข 1441 เท่านั้น
“ถ้าโทร 1441 ไม่ติด ให้โทรหาธนาคารของเรา ไม่ใช่ธนาคารที่เราโอนไป ธนาคารที่เราโอนไปเขาไม่สามารถตรวจสอบยืนยันตัวตนของเราได้ เราให้อำนาจธนาคารโดยการให้เจ้าของบัญชียืนยันว่าจะอายัดบัญชีที่โอนไป เขาจะจะบันทึกเสียงไว้ กฎหมายอนุญาตให้ ก็คือท่านโทรไปที่ธนาคารแล้ว ธนาคารยืนยันตัวตนเสร็จสรรพเรียบร้อย หลังจากที่ท่านยืนยันอายัดบัญชี เขาจะให้เลข Bank Case ID มาใน SMS ของท่าน แล้วท่านก็เอา Bank Case ID นั้นไปกรอกในระบบแจ้งความออนไลน์ที่ thaipoliceonline.go.th” พ.ต.ต.วีระพงษ์ กล่าว
พ.ต.ต.วีระพงษ์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อผู้เสียหายแจ้งไปยังธนาคารเพื่อขออายัดบัญชีและได้ Bank Case ID มาแล้ว หากไม่สามารถโทรหมายเลข 1441 ได้ และกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ https://thaipoliceonline.go.th/ ไม่เป็น ก็ให้เดินทางไปยังสถานีตำรวจ จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยคีย์ข้อมูลให้ ที่สำคัญคือผู้เสียหายต้องไปพบพนักงานสอบสวนภายใน 72 ชั่วโมง เพราะเป็นห้วงเวลาที่กฎหมายให้อำนาจธนาคารอายัดบัญชีได้
ทั้งนี้ การสังเกตเพจเฟซบุ๊กว่าเพจใดเป็นของจริงหรือเป็นเพจต้องสงสัยว่าเป็นเพจปลอมของมิจฉาชีพ อย่างง่ายที่สุดคือดูเครื่องหมายถูกสีฟ้า หรือ Meta Verify ซึ่งหมายความว่าเพจนั้นได้รับการรับรองจากเมตา บริษัทผู้ให้บริการเฟซบุ๊กว่าเป็นเพจจริง และเครื่องหมายดังกล่าวต้องอยู่ต่อท้ายชื่อเพจเท่านั้น เพราะมีมิจฉาชีพใช้วิธีตัดต่อภาพ นำเครื่องหมายถูกสีฟ้าไปตัดต่อใส่ไว้ในรูปโปรไฟล์ของเพจ
แต่ในความเป็นจริง เจ้าของเพจจำนวนมากก็ไม่ได้ใช้บริการ Meta Verify ดังนั้นขอให้ประชาชนคลิกดูที่หมวด “เกี่ยวกับ” บนหน้าเพจ ตามด้วย “ความโปร่งใสของเพจ” จะเห็นประวัติวันที่ตั้งและเปลี่ยนชื่อเพจ รวมถึงประเทศที่อยู่ของแอดมินหรือผู้ดูแลเพจ ซึ่งเพจที่ดูแล้วน่าจะเป็นเพจจริง มักไม่มีการเปลี่ยนชื่อ หรือหากเปลี่ยนทุกชื่อที่ตั้งใหม่ก็จะมีความสอดคล้องกันตลอด อีกทั้งแอดมินเพจทุกคนหรือเกือบทุกคนก็จะต้องมีถิ่นที่อยู่ในประเทศที่ธุรกิจนั้นตั้งอยู่
เช่น เคยมีกรณีรีสอร์ทแห่งหนึ่ง เพจปลอมมียอดผู้ติดตามสูงกว่าเพจจริง แต่เมื่อกดเข้าไปดูประวัติเพต พบว่า เพจปลอมนั้นเคยตั้งด้วยชื่ออื่นที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับชื่อรีสอร์ทแห่งนั้นเลย อีกทั้งแอดมินเพจทุกคนล้วนอยู่ต่างประเทศ ในขณะที่เพจจริง แม้จะเปลี่ยนชื่อบ้าง แต่ทุกชื่อที่เปลี่ยนจะมีชื่อของรีสอร์ทแห่งนั้นเสมอ และแอดมินเพจทุกคนมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าภายหลังจากมีการให้ความรู้เรื่องนี้กับประชาชนไปมากๆ ก็พบว่าระยะหลังๆ มิจฉาชีพมักปิดไม่ให้ดูประวัติเพจอีก ซึ่งก็ต้องบอกว่าหากประชาชนพบเห็นเพจที่ไม่เปิดเผยประวัติก็ให้ระมัดระวัง ในขณะที่เพจจริงโดยมากจะไม่ปิดประวัติ เพราะเป็นเครื่องยืนยันความน่าเชื่อถือ นอกจากนั้น ให้ระวังเพจที่มีคำว่า “ได้รับการสนับสนุน” หรือ “Sponsored” เพราะอาจเป็นเพจปลอมที่มิจฉาชีพซื้อโฆษณาจากเฟซบุ๊กเพื่อให้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กมองเห็นเพจได้อย่างกว้างขวาง และที่ต้องย้ำคือเพจเฟซบุ๊กของหน่วยงานภาครัฐไม่มีนโยบายซื้อโฆษณาแบบนี้
“ถ้าเป็นหน่วยงานภาครัฐ ถ้าได้รับการสนับสนุนหรือสปอนเซอร์ 100% ครับ ปลอม!” พ.ต.ต.วีระพงษ์ กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี