เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 25/2567 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ว่า ในปีมหามงคลเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 จึงได้เชิญชวนหน่วยงานในสังกัดและชาวกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมสวมเสื้อเหลืองตลอดเดือนกรกฎาคม เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เร่งหามาตรการที่เหมาะสมในการสอดส่องดูแลปลูกฝังอย่าให้ลูกหลานเสพยาเสพติดและขอให้ทางโรงเรียนปลูกฝังค่านิยมคุณค่าใหม่ให้เด็กและเยาวชนต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และขอให้ศธ.พิจารณาสอดแทรกเกี่ยวกับโทษของยาเสพติดทั่วไป เพื่อให้เด็กรับรู้ในทุกชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นพูดหน้าเสาธง (ปฏิญาณตน) ว่าเราจะห่างไกลยาเสพติด และมีการให้ข้อมูลอย่างทั่วถึงเชิงลึก นั้น ในการลงพื้นที่การประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.นรราชสีมา ตนจึงได้เชิญชวนให้ผู้บริหารระดับพื้นที่ทุกสังกัดของ ศธ.โดยเฉพาะ สพฐ. สอศ. สช. และ สกร. รับข้อสั่งการของนากยกรัฐมนตรี ไปเน้นย้ำให้สถานศึกษาปลูกฝังให้นักเรียนของเราห่างไกลยาเสพติด รวมถึงการปฏิญาณตนเพื่อห่างไกลยาเสพติด และเมื่อวานตนก็ได้ไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทางโรงเรียนก็มีขบวนการสอนให้เด็กรู้รักสามัคคี เทิดทูนสถาบันหลักของชาติ ตนก็ไปเติมเรื่องการห่างไกลยาเสพติดให้ด้วยเพื่อเป็นแนวทางการป้องกัน
“จากนี้ ศธ.โดยเฉพาะ สพฐ.จะรับคำสั่งไปดำเนินการในมาตรการต่าง ๆโดยเฉพาะการเพิ่มเรื่องการสร้างความตระหนักรู้ให้เด็กและเยาวชนได้รับรู้ว่ายาเสพติดแต่ละอย่างอันตรายอย่างไร รวมถึงอบายมุกต่างๆด้วย ซึ่งจากการลงรวจเยี่ยมในเขตพื้นที่การศึกษา นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ผมก็ได้มีการชี้แจงไปแล้วว่า อยากให้สถานศึกษารณรงค์ให้นักเรียน นักศึกษาตระหนักรู้นอกจากยาเสพติดแล้วก็อยากให้ห่างไกลสิ่งอบายมุกต่าง ๆด้วย และให้เพิ่มเติม เช่น ตอนเช้าเคารพธงชาติ ก็อาจจะให้นักเรียนปฏิญาณตนในเรื่องการห่างไกลยาเสพติด ส่วนที่จะให้มีการตรวจปัสวะหาหารเสพติดในเด็กอายุ 16 ปี นั้น ศธ.ก็พร้อมจะประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุขในการดำเนินการ หรือหน่วยงานที่มีงบประมาณในการดำเนินการต่อไป“ รมว.ศธ. กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวด้วยว่า สำหรับที่มีตัวเลขเด็กหลุดจากระบบการศึกษากว่า 1 ล้านคนนั้น อาจจะไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง เพราะที่ผ่านมา ศธ.ได้มีมาตรการในการดึงเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอยู่แล้ว และมีการลงนาม MOU กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลดปัญหาดังกล่าว และพบว่าเด็กที่ออกจากระบบการศึกษาปกติส่วนหนึ่งไปเรียนต่างประเทศ ไปเรียนสถานศึกษาอื่น ๆ ไปเรียนโฮมสคูล ดังนั้น วันนี้ตนจึงได้มอบให้เลขาธิการ กพฐ. เป็นเจ้าภาพหลักในการประสานงานกับ สช.,กระทรวงมหาดไทย และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) โดยให้ สพฐ.รวบรวมตัวเลขนักเรียนทั้งหมดเพื่อให้มีความชัดเจนในการดำเนินการต่อไป
“ผมแถลงแล้วว่าให้เชื่อมั่นว่าเราจะทำให้ทุกปีการศึกษาให้ตัวเลขเด็กออกกลางคันจะต้องเป็นศูนย์ ศธ.มีกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.)ที่จะเติมเต็มหรือรองรับเด็กกลุ่มที่ออกกลางคันเพราะจำเป็นทางฐานะทางเศรษฐกิจ หรือมีความจำเป็นทางครอบครัว หรือจำเป็นต้องไปดูแลพ่อแม่คนในครอบครัวจึงไม่สามารถมาเรียนภาคปกติได้ ดังนั้นจึงให้ สพฐ.ไปรวบรวมตัวเลขมา และให้ สอศ.ไปดูตัวเลข ถ้าเด็กเข้าเรียนอาชีวะฯ 100 คน ก็ให้จบ 100 คน เพราะฉะนั้น ต้องไม่มีเด็กดรอปเอาท์ และจะขยายการสำรวจไปในโรงเรียนสังกัด สช.และท้องถิ่นด้วย“ รมว.ศธ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี