เปิดปมพิรุธ คกก.ควบคุมยาเสพติด มีมติตั้งแต่ยังไม่ได้ประชุม จับตา 5 กรกฎาคม “เครือข่ายกัญชา” ไม่ทน เตรียมฟ้องทั้งปกครองและอาญา นัดชุมนุมใหญ่ 8 กรกฎาคมแน่นอน ด้าน “ศุภชัย ใจสมุทร” ยัน “อนุทิน” และสมาชิก ภท.ทุกคนยังหนุนกัญชา
วันนี้ (4 กรกฎาคม 2567) เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย จัดสัมมนา ‘เจตนารมณ์การกำหนดอนาคตกัญชาประเทศไทย’ ณ.ชั้น1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วย นายอร่าม ลิ้มสกุล ,นายสุรเดช วัฒนสุนทรกุล ,มล.รุ่งคุณ กิติยากร ,รศ.ดร.พิพัฒน์ นนทนาธรณ์ ,อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ,พลอากาศตรี นพ.ไกรสร วรดิถี ,นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ ,นายณัฐพงษ์ ดำรงค์หวัง และนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล โดยทุกคนได้หยิบยกประสบการณ์ การใช้กัญชา ตลอดจนกการศึกษาวิจัยมาอย่างยาวนาน ถึงคุณประโยชน์ของกัญชา โดยยืนยันว่า กัญชาคือพืชสมุนไพร มีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีโทษเหมือนสมุนไพรทั่วไป จึงควรถูกควบคุมการใช้ด้วยกฎหมาย ไม่ใช่นำกลับไปเป็นยาเสพติด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการสัมมนา นายปานเทพ ได้หยิบยกไทม์ไลน์การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งปรากฏอยู่ในเพจของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่าในวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 จะนำร่างประกาศฯ ที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นเสนอคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข และภายในเดือนกรกฎาคม จะนำร่างประกาศฯ เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ส.พิจารณา จึงมีคำถามว่า นายสมศักดิ์ รู้ได้อย่างไรว่ามติของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดจะเป็นอย่างไร เพราะยังไม่มีการประชุม และหากจะนำร่างให้คณะกรรมการ ป.ป.ส.พิจารณาได้ ก็ต้องมีมติว่าต้องนำกัญชาต้องเป็นยาเสพติด แบบนี้แล้วคณะกรรมการฯ จะประชุมกันไปทำไม ถ้ารู้ว่าผลการประชุมจะออกมาเป็นเช่นไร เพราะการจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดต้องมีหลักการและเหตุผล แบบนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติหรือไม่นายสมศักดิ์ต้องตอบคำถามนี้
จากนั้น นายประสิทธิ์ชัย กล่าวเสริมว่า การกระทำของนายสมศักดิ์ และคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ถือเป็นความผิดทางการปกครอง ซึ่งทางเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เตรียมฟ้องทั้งปกครอง และอาญา และท่านจะเจอกระบวนการทางสังคมด้วย เราไม่สนใจว่าท่านจะเป็นใคร จะเป็นรัฐมนตรี ปลัดฯ หรือ ข้าราชการระดับไหน ถ้าทำผิดเราก็จะฟ้องตามฎหมาย และเราจะจับตาการประชุมคณะกรรมการฯ ในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ด้วย พวกท่านเป็นคนนำกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด แล้ววันนี้ท่านจะกลืนน้ำลายนำกลับไปเป็นยาเสพติดอีกหรือ ท่านอย่าทำตามการเมืองเลยขอเตือนว่า นายสมศักดิ์ ก็จะหมดอำนาจวาสนาในเดือนหน้าแล้ว ไม่แน่ว่านายกรัฐมนตรีเองก็อาจจะเน่าไปด้วยเหมือนกัน
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร จากพรรคภูมิใจไทย กล่าวยืนยันว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกพรรคทุกคน ยืนยันเจตนารมณ์ยังคงเดิม คือ กัญชาต้องควบคุมโดย พ.ร.บ. และไม่ต้องไม่กลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งตนก็หวังว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะมีดวงตาเห็นธรรม เห็นคุณค่าของกัญชาที่ประโยชน์มากมายมหาศาล เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกกฎหมาย พร้อมทั้งยอมรับว่ากัญชามีปัญหาก็เพราะการเมือง
จากนั้นนางสาวช่อขวัญ ช่อผกา ได้อ่านแถลงการณ์เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย โดยมีข้อความระบุว่า ขอคัดค้านการนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดและขอให้กระทรวงสาธารณสุขควบคุมกัญชาโดยใช้กฎหมายพระราชบัญญัติกัญชา เพราะสามารถออกแบบกลไกเชิงระบบสำหรับควบคุมและพัฒนารวมทั้งกลไกคุ้มครองเยาวชนหรือบุคคลที่กฎหมายต้องการคุ้มครอง ซึ่งตรงกันข้ามกับการควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติดที่จะนำไปสู่การผูกขาดแก่คนกลุ่มเดียวและไร้ซึ่งกลไกในการคุ้มครองเยาวชนและบุคคลที่กฎหมายต้องการคุ้มครอง
การที่รัฐนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดจะนำไปสู่การทำลายการใช้ยากัญชารักษาตัวเองตามวิถีภูมิปัญญาของประชาชน เพราะกัญชาจะถูกผูกขาดการปลูกโดยกลุ่มทุนใหญ่ การใช้กัญชาจะถูกสั่งโดยแพทย์เท่านั้นและอาจมีเพียงไม่กี่โรคที่แพทย์จะสั่งจ่ายยากัญชาและยากัญชาที่แพทย์สั่งค่าความเข้มข้นข้นต่ำจนไม่สามารถรักษาโรคใดๆได้
หากรัฐนำกัญชาเข้าสู่บัญชียาเสพติดจะทำให้การปลูกกัญชา การเปิดร้านกัญชา การแปรรูปกัญชาจะผิดกฎหมายทั้งหมดและนำไปสู่การล้างกระดานกัญชาในประเทศไทยด้วยการเกิดกติกาชนิดใหม่ขึ้นที่ประกอบด้วยการผูกขาดการปลูกผูกขาดการสั่งจ่ายและผูกขาดการขายและในกฎหมายยาเสพติดไม่มีมาตรการใดในการปกป้องเยาวชนเลยแม้สักมาตราเดียว รัฐยังอยู่ในความคิดเก่าที่ว่าเมื่อนำสิ่งหนึ่งไปขังคุกแล้วจะปลอดภัย แต่ผลที่เป็นอยู่นั้นกลับพบว่าหลายสิ่งที่ควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติดไม่สามารถควบคุมได้จริงฉะนั้นการที่รัฐประกาศนำกัญชาเข้าสู่ยาเสพติดไม่ได้มีเจตนาเพื่อปกป้องเยาวชนแต่ใช้ข้ออ้างนี้ในการผูกขาดกัญชาภายใต้กฎหมายยาเสพติด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ข้อมูลอันบิดเบือนต่อประชาชนตลอดเวลาเพื่อโน้มน้าวประชาชนให้ชื่อว่ากัญชาคือสิ่งร้าย ประชาชนจึงต้องลุกขึ้นมาให้ข้อมูลกับสังคมว่ารัฐกำลังกล่าวร้ายกัญชาโดยปราศจากข้อเท็จจริง เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยได้นำเสนอให้ตั้งกรรมการร่วมเพื่อศึกษาวิจัยร่วมกันและนำข้อเท็จจริงนั้นมาควบคุมกัญชาแต่รัฐปฏิเสธ เพราะรัฐมีเป้าหมายชัดเจนแล้วและไม่ต้องการแสวงหาข้อเท็จจริงใดที่จะนำไปสู่การเบี่ยงเบนจากเป้าหมายการผูกขาดกัญชา
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอเรียนเชิญประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันผลักดันกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะที่ถูกต้องด้วยการใช้ข้อเท็จจริงด้านวิทยาศาสตร์ในการกำหนด และการเรียกร้องดังกล่าวได้ดำเนินมาก่อนหน้านี้และกำหนดนัดหมายสำคัญคือวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 หน้าทำเนียบรัฐบาล จึงขอเรียนเชิญทุกท่านโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อกำหนดสิทธิกัญชาให้เป็นของประชาชนทุกคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี