‘บิ๊กเต่า’ยืนยัน‘บิ๊กก้อง’เซ็นสั่งย้าย‘ผู้การตำรวจน้ำ’ เพื่อปัดกวาดบ้านตัวเอง เป็นผู้บังคับบัญชาแต่ไม่ดูแล จนเกิดความเสียหาย เตรียมออกหมายจับ‘เสี่ยโจ้’ ขณะที่‘พยานปากเอก’ไม่ให้ความร่วมมือกรณีแชทหลุดจ่ายส่วย ออกหนังสือเชิญรอบ2
8 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ยืนยันว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นการชั่วคราว โดยให้ขาดจากต้นสังกัดเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ ผบช.ก. มองว่าเป็นภารกิจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ตำรวจน้ำบริหารจัดการ แต่เกิดปัญหา สร้างความเสียหายกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดังนั้นต้องปัดกวาดบ้านตัวเอง และตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏ และชี้แจงกับประชาชนได้
ทั้งนี้ ยืนยันการออกคำสั่งดังกล่าวไม่ช้า เพราะมีความชัดเจนเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ทั้ง ม.157 และวินัย เนื่องจากพบว่ามีความบกพร่องร้ายแรงจริงๆ ทำให้เกิดปัญหา มองว่าผู้การตำรวจน้ำควรลงมาใส่ใจดูแลให้มากกว่านี้ เมื่อไม่ใส่ใจดูแลก็จะเกิดปัญหา
ส่วนจะมีตำรวจชั้นอื่นต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ตอนนี้เรามองการบริหารจัดการตั้งแต่ ผบก. , ผกก. และ สว. ซึ่งเป็นตัวหลักในการจัดการ แล้วจะทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาทุกมิติ ไม่มีการช่วยเหลือใคร เป็นการแสดงความจริงใจของ บช.ก. ที่จะคลี่คลายคดีนี้
ส่วนที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาระบุว่า ผบก.รน. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่การออกคำสั่งย้ายเช่นนี้ แสดงว่าพบความเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า หากพูดไปจะหาว่าเป็นการช่วยเหลือกัน เราไม่ช่วยเหลือกัน ตำรวจเรามีโทษทางอาญา วินัย และปกครอง ใครเกี่ยวข้องอะไรก็ว่าไป มองว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากข้างล่าง และข้างบนไม่ควบคุมดูแล เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการโยกย้ายอีกหลายตำแหน่ง แต่ตอนนี้เอาที่สำคัญก่อน
ส่วนจะเป็นมาตรการทางปกครองหรือไม่ ทาง ผบช.ก. มีนโยบายดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่มิชอบ ตอนนี้ต้องการทำให้การบังคับใช้กฎหมายทางทะเล มีผลมากยิ่งขึ้น จะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ไปยุ่งเกี่ยวเด็ด ขณะนี้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รองผบก.ป.) มาเป็นรักษาการแทนผู้บังคับการตำรวจน้ำ โดยจะไปรับนโยบายกับ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการปราบปรามเรื่องดังกล่าว
สำหรับความคืบหน้าคดีการตรวจสอบโทรศัพท์ของ พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน ที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด เนื่องจากไฟล์ในโทรศัพท์ค่อนข้างใหญ่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนการออกหมายจับในช่วงบ่ายนี้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เรียกประชุมความคืบหน้าพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพิจารณาออกหมายจับ “เสี่ยโจ้” เช่นกัน
สำหรับการเชิญตัวพยานปากเอกคดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย คาดเป็นญาติกับ “เสี่ยโจ้” นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีโทรศัพท์ไปพูดคุย แต่ไม่มีความคืบหน้า อย่างไรก็ตามต้องไปหาตัวมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมให้ได้ ซึ่งได้ส่งหนังสือเชิญไปแล้ว 1 ครั้ง ไม่ได้รับการตอบรับ ดูเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่พยายามติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งได้ติดต่อไปยังคนสนิท ทั้ง สส.ถึง 3 คน รวมถึงนายกอบจ. ซึ่งจะส่งหนังสือเชิญส่งอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2
ด้าน พ.ต.อ.สิทธิพร กะสิ ผกก.2 บก.ปปป. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อพยานรายนี้เพื่อมาให้การในฐานะพยานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแชทหลุดรับส่วย นอกจากนี้จะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบเช่นกัน ฝากถึงเจ้าตัวขอให้เข้าให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ มองว่าน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าการไม่ให้ความร่วมมือ ส่วนการติดตามตัวลูกเรือที่นำเรือของกลางหนีนั้น อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี ยืนยันผู้ที่เกี่ยวข้องคดีนี้จะต้องมีคนรับในการละเมิด ต้องชดใช้ค่าเสียหาย อยู่ที่ศาลพิจารณาเฉลี่ย ย้ำต้องมีคนรับผิดชอบ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี