รวบต่างชาติภัยอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สนองนโยบาย ผบ.ตร.และ ผบช.สตม. ผกก.ตม.จว.ชลบุรี นำกำลังจับกุมตัวชาวรัสเซียนำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธแลกเปลี่ยนเงินตรา
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.กวิณวัชร์ อารยะสุริวงศ์ รอง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี สั่งการให้ พ.ต.ท.วีระชัย ถิ่นกมุท สว.ตม.จว.ชลบุรี ร.ต.อ.วิรัช ปัฎธรรมวงศ์ ร.ต.ท.ปราโมทย์ เฟื่องฟุ้ง รอง สว.ตม.จว.ชลบุรี พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน ตม.จว.ชลบุรี จับกุมตัวชาวรัสเซียนำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธแลกเปลี่ยนเงินตรา
โดยจับกุมเมื่อเวลา 06.00 น.สถานที่จับกุมบริเวณ ซอย 6 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ถูกจับกุมชื่อ Mr.Abdulkhakim Khasanov อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย ถือหนังสือเดินทาง ประเภท ผ.60 ครบกำหนดอนุญาตวันที่ 7 ก.ค.67 (2024) การอนุญาตสิ้นสุด 1 วัน
ความผิดฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด (1 วัน) , “ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกให้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ผู้นั้นกระทำผิดฐานปลอมเงินตรา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 ” , “มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราต่างประเทศสกุล (ยูโร) อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราเป็นของปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบกับกฎหมายอาญามาตรา 247”
ของกลางประกอบด้วย หนังสือเดินทางประเทศรัสเซีย, กระเป๋าคาดอก PRADA สีดำ 1 ใบ ผู้ต้องหากำลังสะพายคาดอกขณะถูกจับกุม, เงินสกุลยูโร (ปลอม) จำนวน 86 ฉบับ พบอยู่ในกระเป๋าของกลางลำดับที่ 2 ฉบับละ 500 ยูโร 6 ฉบับ ฉบับละ 50 ยูโร 80 ฉบับ
พฤติการณ์การจับกุม ตามวันเวลาก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจาก น.ส.กรณ์ภัสสร สัญชาติไทย อายุ 38 ปี ชาว อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่ามีคนนำธนบัตรยูโรปลอมมูลค่า 500 ยูโร จำนวน 1 ฉบับ มาแลกที่ร้านและเงินของตนซึ่งเป็นตู้แลกเงินที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงแรมพัทยาปาร์ค พระตำหนักซอย 6 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบนายจารุวิทย์ ซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้แจ้งทำงานเป็นพนักงานรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอยู่ ซึ่งเป็นตู้รับแลกเปลี่ยนเงินของบริษัทชีเนท เอ็กซ์เซ้นจ์ จำกัด ซอย 6 ของผู้แจ้ง ว่าได้มีชายไทยชื่อ นายหัศศพล สัญชาติไทย อายุ 41 ปี ได้นำเงินสกุลยูโร จำนวน 500 ยูโร จำนวน 1 ฉบับ มาทำการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทกับทางตู้แลกเงินของตน ได้เงินสกุลบาทไปจำนวน 19,012 บาท เมื่อนายจารุวิทย์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับแลกเงินดังกล่าวได้ตรวจสอบธนบัตรอีกครั้ง โดยใช้ปากกาเคมีสำหรับตรวจสอบธนบุตร พบว่าเป็นธนบัตรสกุลยูโรปลอม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงรีบติดตาม
จบพบนายหัศศพล ได้ให้ถ้อยคำว่าตนเองเป็นพนักงานดูแลต้อนรับ (รีเชฟชั่น) ให้กับโรงแรมดังกล่าว โดยอ้างว่าเงินดังกล่าวได้รับมาจากนาย ABDULKHAKIM KHASANOV อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย เพื่อจ่ายเป็นค่ามัดจำที่พัก เนื่องจากคนต่างด้าวเข้าพักมาเป็นเวลาประมาณ 3 อาทิตย์แล้วยังไม่ได้ชำระเงิน ต่อมาคนต่างด้าวได้นำธนบัตร 500 สกุลยูโร ดังกล่าว นำมาขอให้นายหัศศพล เป็นผู้นำไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทกับทางตู้แลกเงินดังกล่าว โดยนายหัศศพล ไม่ทราบว่าเงินสกุลยูโรดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอม พร้อมทั้งยังได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจสอบ และทางผู้เสียหายว่า คนต่างด้าวดังกล่าวคนที่เป็นผู้ที่ให้ธนบัตรฉบับละ 500 ยูโรปลอมดังกล่าว กับตน ไปทำการแลกเป็นสกุลเงินบาท ว่าคนต่างด้าวยังพักอาศัยอยู่ที่ชั้นบนของโรงแรม พร้อมทั้งสมัครใจได้นำผู้เสียหาย และเจ้าหน้าที่ขึ้นไปเชิญตัวคนต่างด้าวดังกล่าวลงมาที่หน้าฟร้อนของโรงแรม
เมื่อพบคนต่างด้าวได้จึงแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน และแสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้ว พร้อมทั้งขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางบุคคลต่างด้าวดังกล่าวไม่สามารถนำหนังสือเดินทางมาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ได้ โดยอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าหนังสือเดินทางของตนอยู่ที่โรงแรมที่พักเก่า เนื่องจากยังไม่ได้จ่ายค่าที่พักให้กับทางโรงแรม เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวบุคคลทั้งสองมาที่ ตม.จว.ชลบุรี ซึ่งทั้งสองพร้อมมาที่ ตม.จว.ชลบุรี ด้วยความสมัครใจ เมื่อตรวจสอบข้อมูลในระบบสารสนเทศ สตม.ปรากฏว่ามีประวัติเดินทางเข้า-ออก และยอมรับว่าชื่อนาย ABDULKHAKIM KHASANOV อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย ถือหนังสือเดินทางประเทศรัสเซีย เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 7 กรกฎาคม 2567 การอนุญาตสิ้นสุด 1 วัน ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพบ แต่คนต่างด้าวแสดงท่าทางมีพิรุธ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คนต่างด้าวเปิดกระเป๋าสีดำที่คนต่างด้าวนำติดตัวมาโดยคาดติดกับหน้าอกของคนต่างด้าวผู้ถูกกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงขอให้คนต่างด้าวเปิดกระเป๋าคาดอกสีดำ เมื่อคนต่างด้าวเปิดออกมาพบว่ามีเงินสกุลยูโรอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ให้คนต่างด้าวนำออกมาแสดงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้สื่อข่าว และผู้เสียหาย พบว่ามีธนบัตรฉบับละ 500 ยูโร อีกจำนวน 5 ฉบับ และธนบัตรฉบับละ 50 ยูโร อีกจำนวน 80 ฉบับ รวมเป็นจำนวน เงิน 6,500 ยูโร
ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การยอมรับว่า เงินสกุลยูโรจำนวนดังกล่าวทั้งหมดเป็นของปลอม โดยตนได้นำติดตัวมาจากเมืองอีสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีเพื่อนที่ตุรกีให้นำติดตัวนำมาใช้จ่ายในประเทศไทย และตนเองได้นำเงินสกุลดังกล่าวมาใช้เป็นค่ามัดจำที่พักกับทางโรงแรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับคนต่างด้าวผู้ถูกจับกุมทราบว่า เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด (1 วัน) และ “ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกให้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นผู้นั้นกระทำผิดฐานปลอมเงินตรา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 ” และ “มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราต่างประเทศสกุล (ยูโร) อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราเป็นของปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบกับกฎหมายอาญามาตรา 247” ผู้ถูกจับให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และทราบสิทธิดี พร้อมทั้งทำบันทึกจับกุมนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี