‘หาของป่า’สาเหตุสำคัญของไฟป่า หยุดเชื่อผิดๆ หากไม่หยุด เจอจับจริง
การเกิดไฟป่าในปัจจุบันสาเหตุส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทั้งเผาโดยตั้งใจ กลั่นแกล้งหรือเผาโดยไม่ได้ตั้งใจ คิดว่าจะสามารถควบคุมไฟไว้ได้ ที่ผ่านมาสถานการณ์ไฟป่าล้วนเกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์แทบทั้งสิ้น อาทิ การจุดไฟเผาไร่เพื่อเป็นการกำจัดวัชพืช โดยเผาแล้วไม่ได้ควบคุมให้ดีพอทำให้เกิดไฟลุกลามขยายเป็นวงกว้าง การล่าสัตว์โดยการจุดไฟให้สัตว์หนีออกมาจากที่ซ่อนให้สะดวกในการล่า หรือการเผาเพื่อต้องการให้หญ้าแตกยอดอ่อนเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ และสาเหตุสำคัญ คือ การจุดไฟเผาป่าเพื่อเก็บหาของป่า เช่น เก็บเห็ดเผาะ หารังผึ้ง เก็บผักหวาน เป็นต้น โดยใช้วิธีการเผาเพื่อให้ป่าโล่งเตียน
นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ไฟป่าในปีนี้ มีจุด Hotspot ลดลงจากปีที่แล้ว 40% แต่สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟป่า มีที่มาจากความเชื่อของชาวบ้านว่า หากมีการเผาจะทำให้พืชบางชนิดแตกยอดได้ไว เช่น ผักหวาน เห็ดเผาะ รวมถึงวิธีการหารังผึ้ง ไข่มดแดง ไม้ไผ่ ฯลฯ แบบผิดๆ ซึ่งความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะการจุดไฟส่วนใหญ่เพื่อให้พื้นป่าโล่ง เดินสะดวก หรือให้แสงสว่างในระหว่างการเดินทางผ่านป่าในเวลากลางคืน ทำให้เข้าไปเก็บหาของป่าต่างๆ ได้ง่ายและสะดวกมากกว่า
“ชาวบ้านส่วนใหญ่นั้นยังมีความเชื่อว่าหากเผาป่าจะทำให้ต้นผักหวานแตกใบอ่อน เพื่อจะได้นำเก็บมาขายด้วยราคาสูงกิโลกรัมละหลายร้อยบาท โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น และเป็นความเชื่อที่ผิดปฏิบัติต่อๆ กันมา จนทำให้ทุกฤดูแล้ง เกิดปัญหาไฟไหม้ป่าลุกลามขยายเป็นวงกว้าง สร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพ สังคม เศรษฐกิจอย่างมหาศาลจนประเมินค่าไม่ได้ ประโยชน์ที่ได้ ไม่คุ้มค่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้น และความจริง คือ ผักหวานแม้ไม่โดนไฟก็ยังแตกยอดออกปกติ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่มีความจำเป็นต้องเผาป่า”
ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กล่าวอีกว่า “มีการแก้ปัญหาความเชื่อที่ผิดๆ นี้มาตลอด และมีการประชาสัมพันธ์ในทุกพื้นที่ แม้จะผ่านฤดูไฟป่าไปแล้ว เช่น มีการเคาะประตูบ้านทำความเข้าใจกับชาวบ้าน จริงๆ เป็นการเผาเพื่อให้พื้นที่โล่งและสะดวกต่อการเก็บการหาของป่าแค่นั้นเอง และยังมีความประมาท เช่น การเข้าไปหารังผึ้งโดยการเผารังเพื่อให้เข้าไปสะดวกเมื่อผึ้งบินหนีออกมา คิดว่าไฟที่จุดรมรังผึ้งไว้จะดับได้ทัน แต่กลับลุกลามบานปลายในพื้นที่ป่าอนุรักษ์”
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด โดยบังคับใช้กฎหมายเพื่อยกระดับการดำเนินคดีกับผู้ลักลอบจุดไฟเผาป่า ด้วยการ “จับจริง” มีบทลงโทษตามกฎหมาย โดยมีอัตราโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งที่ผ่านมาสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 27 พฤษภาคม 2567 มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับไฟป่าทั้งสิ้น 298 คดี แบ่งเป็นการดำเนินคดีลักลอบเผาป่า 98 คดี ผู้กระทำผิด 4 ราย คดีสัตว์ป่าเกี่ยวกับการเผาป่า 184 คดี ผู้กระทำผิด 195 ราย และคดีเก็บหาของป่าที่เกี่ยวเนื่องกับการเผาป่า 16 คดี ผู้กระทำผิด 24 ราย และมีการจับกุมผู้กระทำผิด 223 ราย และมีพื้นที่ป่าเสียหาย 6,176.41 ไร่
สถิติเหล่านี้บ่งชี้ให้เห็นว่า การเผาป่าที่เกิดขึ้นในปีนี้ ล้วนมาจากการเห็นแก่ตัวของมนุษย์เพียงไม่กี่คนแต่กลับสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ดังนั้น โปรดหยุดความเชื่อผิดๆ หยุดการกระทำที่มักง่าย เพราะต้องเจอจับจริงในทุกราย ไม่มีข้อยกเว้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี