“ปปง.”แจงยังไม่ยึดทรัพย์ “บิ๊กโจ๊ก”หลังข่าวลือหึ่ง ยันต้องเป็นมติ คกก.ธุรกรรมฯ เเย้มการตรวจสอบ จนท.ต้องตั้งต้นที่เส้นเงินเว็บไซต์ BNK Master เชื่อมโยงถึงใครบ้าง
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. แหล่งข่าวภายในสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เผยกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้ออกมาเปิดเผยกระแสข่าว ว่า ปปง. พยายามจะยึดทรัพย์"บิ๊กโจ๊ก" แต่คดีที่ตนไปร้อง"บิ๊กต่อ"ที่ ปปง.กลับเงียบมาก นั้น ว่า กรณีดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ปปง. ยังไม่มีการออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เนื่องจากในรายคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกร้องเรียนว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ BNK Master นั้น ทางสำนักงาน ปปง. ยังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน และแสวงหาข้อเท็จจริง เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตรวจสอบอย่างรอบคอบว่าบุคคลที่ถูกร้องเรียนมีความเกี่ยวข้องทำธุรกรรมทางการเงินเชื่อมโยงกับเว็บไซต์พนันออนไลน์จริงหรือไม่
แหล่งข่าวเผยต่อว่า สำหรับคดีมูลฐานเว็บไซต์พนันออนไลน์ BNK Master เดิมที ปปง. ได้มีการยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาหลักในคดีมูลฐานก่อนหน้านี้แล้ว แต่เนื่องด้วยพบว่ามีเส้นทางการเงินของเว็บพนันออนไลน์ดังกล่าวได้เชื่อมโยงกับหลายบุคคล ดังนั้น ปปง. จึงยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบให้ครบถ้วน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเจ้าหน้าที่จะต้องนำรายละเอียดพยานหลักฐานต่างๆ มาพิจารณาเปรียบเทียบข้อเท็จจริง และนำเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมให้มีมติในทางใดทางหนึ่งต่อไป
นอกจากนี้ แหล่งข่าว ยังอธิบายหลักการตรวจสอบพิสูจน์เส้นทางการเงินของบุคคลที่เชื่อมโยงกับความผิดในคดีมูลฐาน โดยเฉพาะในกรณีเว็บไซต์พนันออนไลน์ ว่า ยกตัวอย่างเช่น หากมีเว็บไซต์พนันออนไลน์แห่งหนึ่งได้มีการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.เอ (นามสมมติ) แต่ปรากฏว่าในบัญชีธนาคารของผู้รับ ปลายทางก็มีความเคลื่อนไหวทางการเงินที่ได้รับจากการประกอบอาชีพอื่น หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ปะปนอยู่ด้วย สิ่งที่เป็นหลักในการพิจารณาว่าจะยึดและอายัดทรัพย์สินนั้น ปปง. ต้องตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนว่าเงินจำนวนนั้น เป็นเงินที่ได้รับโอนมาจากการกระทำความผิดมูลฐานจริง
“ความผิดมูลฐานตามกฏหมายของ ปปง. ทรัพย์สินที่ได้มาจากความผิดมูลฐาน หากมีการโอนย้ายไปยังบุคคลใด ปปง. ก็จะต้องติดตามตรวจสอบและพิจารณาสั่งยึดและอายัดกลับมา เว้นแต่คนรับโอนสุจริตเสียค่าตอบแทน ซึ่งส่วนใหญ่ข้อยกเว้นดังกล่าวจะเป็นเรื่องของการซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น นายเอ (นามสมมติ) นำเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดในคดียาเสพติดแล้วนำไปชำระซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคตามร้านขายสินค้า หรือห้างสรรพสินค้า หากพูดกันตามตรงเงินที่ร้านค้ารับไปจากผู้ซื้อก็ถือเป็นเงินที่มาจากการกระทำความผิดที่ ปปง. จะต้องยึดกลับมา แต่หากพิจารณาจากพฤติการณ์ จะพบว่าการรับโอนเงินดังกล่าวของร้านค้าเป็นการซื้อขายสินค้า ซึ่งหมายความว่า ผู้ขายที่รับโอนเงินไม่รู้ว่าเป็นเงินที่มาจากการกระทำความผิด ในขณะที่หากผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติดได้มีการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของนายซี (นามสมมติ) โดยที่นายซีไม่มีการประกอบอาชีพใด ลักษณะเช่นนี้ ปปง. จะต้องตามไปยึดและอายัด ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบอีกขั้นตอนด้วยว่าเงินก้อนดังกล่าวมีการถูกนำไปใช้ทำธุรกรรมแล้วหรือยัง หรือเงินยังคงค้างในบัญชีหรือไม่” แหล่งข่าวอธิบาย
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า การยึดทรัพย์ กับ ความผิดทางอาญาฐานฟอกเงินนั้นเป็นคนละส่วนกัน การที่บุคคลใดถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามกฎหมาย ปปง. ไม่ได้หมายความว่าต้องผิดอาญาฟอกเงินไปด้วยในทุกกรณี การจะมีความผิดอาญาฐานฟอกเงินนั้น 1.บุคคลนั้นต้องรับโอนเงินจากผู้กระทำความผิดในคดีมูลฐาน และ 2.ผู้รับโอนเงินจะต้องรู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลฐาน ซึ่งหากเข้าเข้าข่ายดังกล่าวก็จะถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดอาญาและอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินการต่อไป
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี